svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ศาลออกหมายจับ "โจ้ สปอร์ตไลท์" หนีฟังคำร้องฎีกาคดีหมิ่นเจ้าของโรงแรม

05 เมษายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ด่วน! ศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับ "โจ้ สปอร์ตไลท์" มีพฤติการณ์หลบหนี ไม่มีฟังคำร้องขออนุญาตฎีกา หลังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ให้จำคุกคดีหมิ่นประมาทเจ้าของโรงแรมป่าตองฯ เป็นเวลา 1 ปี ไม่รอลงอาญา

เป็นหนึ่งคนที่มีชื่อเสียงในโลกโซเชียลอย่างมาก ด้วยลีลาท่าทาง “กล้าชน” ทำให้ “โจ้ สปอร์ตไลท์” หรือนายธรรมรัตน์ สุวรรณโพธิ์ศรี เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “Spotlight Thailand” เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ล่าสุดเจ้าตัวตกเป็นประเด็นฉาว เมื่อศาลออกหมายจับ เพราะไม่ยอมมาฟังคำร้องฎีกา คดีหมิ่นประมาทเจ้าของโรงแรมป่าตองพารากอน จ.ภูเก็ต เหตุเกิดตั้งแต่ 2562

 

คดีนี้พบว่าเมื่อวันที่ 16 ก.พ.2563 ศาลจังหวัดภูเก็ตมีคำพิพากษาชั้นต้น สั่งจำคุก “โจ้ สปอร์ตไลท์” เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา หลังจากนายวิศิษฐ์ เอี่ยมวิโรจน์ฤทธิ์ กรรมการบริหาร บริษัทป่าตอง พารากอน จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หลังโพสต์เฟซบุ๊กใส่ความโจทก์ได้รับความเสียหาย

ศาลออกหมายจับ "โจ้ สปอร์ตไลท์" เบี้ยวฟังคำร้องฎีกาคดีหมิ่นเจ้าของโรงแรม

ส่วนที่จำเลยอ้างว่า มีอาชีพเป็นสื่อมวลชน ย่อมวิพากษ์วิจารณ์ได้ และเป็นการเสนอข่าวไปด้วยความสุจริตนั้น หากพิจารณาถึงถ้อยคำที่พูดในคลิปวิดีโอแล้ว ล้วนแล้วแต่เป็นถ้อยคำที่ด่าทอโจทก์ มุ่งประสงค์ให้ร้ายและทำลายชื่อเสียง โดยไม่มีการตรวจสอบข้อมูลความจริงก่อน จึงมิใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต จำเลยย่อมไม่อาจอ้างเหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (2) มาปฏิเสธความผิดได้

 

กระทั่งวันที่ 8 มิ.ย.2564 ศาลจังหวัดภูเก็ต อ่านคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา โดย “โจ้ สปอร์ตไลท์” ให้การรับสารภาพ

ศาลออกหมายจับ "โจ้ สปอร์ตไลท์" เบี้ยวฟังคำร้องฎีกาคดีหมิ่นเจ้าของโรงแรม

ล่าสุดวันนี้ (5 เม.ย.) ที่ศาลจังหวัดภูเก็ต ศาลได้นัดฟังคำสั่งตามคำร้องขออนุญาตฎีกา โดยโจทก์และทนายมาศาล ส่วน “โจ้ สปอร์ตไลท์” และทนายทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ไม่มาศาล จึงอ่านคำสั่งของผู้พิพากษา ซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟัง และให้ถือว่าจำเลยทราบคำสั่ง

 

ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดี ทั้งในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ มีรายนามตามคำร้องฉบับลงวันที่ 5 ต.ค. 64 มีคำสั่งว่า ข้อความที่ตัดสินไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด ไม่อนุญาตให้ฎีกา

 

คดีนี้จึงเป็นที่สุดตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย และเมื่อจำเลยไม่มาศาลโดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้อง และไม่ได้รับอนุญาตจากศาล จึงถือได้ว่า จำเลยมีพฤติการณ์หลบหนี เห็นควรให้ออกหมายจับจำเลย เพื่อนำตัวจำเลยมาบังคับตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 และให้ปรับนายประกันเต็มสัญญาประกัน

logoline