ทางด้าน เภสัชกรหญิงสุนัยนา กิจเกษตรไพศาล ผู้จัดการท่ัวไป แซดพีเทอราพิวติกส์ ซิลลิค ฟารม์า ประเทศไทย (ZP Therapeutics) หน่วยธุรกิจภายใต้ซิลลิค ฟาร์มาเปิดเผยว่า บริษัทฯ รู้สึกได้รับเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ "ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์" ในการเพิ่มการเข้าถึง "วัคซีนโควิดโมเดอร์น่า" ให้แก่ประชาชนโดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2565 นี้
จากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของ จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล
ล่าสุดทางวารสาร New England Journal of Medicine ได้มีรายงานข้อมูลผลการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 จากการฉีดวัคซีนโมเดอร์น่า และวัคซีนไฟเซอร์ ในประเทศกาตาร์
โดยทำการประเมินอุบัติการณ์ของการติดเชื้อโควิด-19 หลังจากการได้รับ "วัคซีนโมเดอร์น่า" และ "วัคซีนไฟเซอร์" เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ระหว่างวันที่ 21 ธันวาคม 2563 - 20 ตุลาคม 2564
จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่ได้รับ "วัคซีนโมเดอร์น่า" ครบ 2 เข็ม จำนวน 192,123 ราย มีจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 878 ราย มีเพียง 3 รายที่มีอาการรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่ไม่พบรายที่รุนแรงขั้นวิกฤติ หรือนำไปสู่การเสียชีวิ
ส่วนในกลุ่มของผู้ที่ได้รับ "วัคซีนไฟเซอร์" ครบ 2 เข็ม จำนวน 192,123 ราย มีจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 1,262 ราย มี 7 รายที่มีอาการรุนแรง และ 1 รายที่เสียชีวิต
โดยสรุปแล้ว "วัคซีนโมเดอร์น่า" จะพบอุบัติการณ์การของการติดเชื้อภายหลังการได้รับวัคซีนที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ "วัคซีนไฟเซอร์" ซึ่งมีความสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้าที่แสดงถึงระดับภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันในผู้ที่ได้รับวัคซีนทั้งสอง
"แซดพี เทอราพิวติกส์ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนแก่ประชาชนและสนับสนุนประเทศไทยในการรับมือกับ โควิด-19 โดยนำเสนอบริการระดับโลกในการจัดจำหน่าย การบริการด้านดิจิทัลและการพาณิชย์ ให้แก่ สถานพยาบาล เพื่อสนับสนุนแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเสริมสร้างเกราะป้องกันที่จำเป็นต่อสายพันธุ์ใหม่ที่น่ากังวล (Variants of Concern) ในเทศกาลสงกรานต์นี้” เภสัชกรหญิงสุนัยนา กล่าว