จุรินทร์ ยันบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ขึ้นราคา สินค้าอุปโภค-บริโภคราคาทรงตัว

14 มีนาคม 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สั่งการให้กรมการค้าภายใน รายงานราคาสินค้าทุกวัน โดยเฉพาะสินค้าที่สำคัญต่อการอุปโภคบริโภค 18 หมวด ซึ่งล่าสุดสินค้าส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดราคาทรงตัว โดยเฉพาะหมวดอาหารสด ราคาหมูเนื้อแดงทรงตัวมาเป็นสัปดาห์ ราคาเฉลี่ยทั่วประเทศ ประมาณ 150 บาท/กก. ราคาไข่ไก่ เบอร์  3 เฉลี่ยอยู่ที่ราคา 3.46 บาท/ฟอง

“บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่มีการปรับราคาขึ้น ซึ่งเป็นการปรับกระบวนการทางการตลาดภายในของบริษัทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่ราคาปลีกยังอยู่ที่ซองละ 6 บาท  ส่วนหมวดอาหารกระป๋องยังไม่อนุญาตให้ปรับขึ้นราคา”

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับความจริงว่าต้นทุนกระป๋องสูงขึ้นเพราะราคาเหล็กสูงขึ้น 40-45% โดยประมาณ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นของราคาเหล็กในตลาดโลกมีผลมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ข้าวสารถุงราคาทรงตัว ซอสปรุงรสราคาทรงตัว น้ำอัดลมไม่มีการขึ้นราคา นมและผลิตภัณฑ์จากนม มีหนึ่งยี่ห้อที่ขออนุญาตปรับขึ้น แต่ไม่อนุญาตให้ปรับขึ้น หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่มีการปรับราคาขึ้น แต่มีการจัดโปรโมชั่นลดราคาโดยต่อเนื่อง และหมวดซักล้างไม่มีการปรับราคาขึ้น เป็นต้น

ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ทำงานมาโดยต่อเนื่อง ทั้งพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชนซึ่งใช้งบประมาณน้อยมากแค่บริหารจัดการ อาศัยความร่วมมือ ซึ่งผู้ประกอบการต้องลดกำไรบางส่วน ซึ่งทำได้ระดับหนึ่งถ้าทำตลอดไปผู้ประกอบการก็อยู่ไม่ได้ ของก็จะขาดเพราะการผลิตถูกยกเลิกต้องมาดูว่าความพอดีอยู่ตรงไหน และขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ให้อยู่ได้ด้วยกันทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการและผู้บริโภค 

“ต้องอยู่อย่างเดือดร้อนน้อยที่สุดและได้ประโยชน์ร่วมกันมากที่สุด จะพิจารณาเป็นหมวดสินค้าและเป็นรายๆไป โดยพิจารณาจากข้อมูลและข้อเท็จจริงและเอกสารที่เป็นข้อเท็จจริงมีผลตามกฎหมาย เชื่อว่ามีทั้งราคาปรับขึ้น ทรงตัวและลดลง” นายจุรินทร์ กล่าวในที่สุด

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 10 มี.ค.65 “ไวไว” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปรุงสำเร็จ หรือ ไวไว ปรุงสำเร็จ ได้ “ปรับปริมาณ-ขึ้นราคา” เรียบร้อยแล้ว จากเดิมบะหมี่ 1 ซองมีน้ำหนัก 55 กรัม เพิ่มเป็น 57 กรัม โดยปริมาณที่เพิ่มขึ้นกลับไม่ใช่ตัวเส้น แต่เป็นเครื่องปรุง โซเดียม 1,020 มิลลิกรัม(มก.) จาก 710 มก. ไขมัน 12 กรัม จาก 10 กรัม และราคาขายเพิ่ม 50 สตางค์ต่อซอง เป็น 6 บาท จากเดิม 5.50 บาท อ่านข่าวเพิ่มเติม

ขอบคุณข้อมูล : ฐานเศรษฐกิจ