14 มีนาคม 2565 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ไต่สวนกรณี ส.ส. และอดีตผู้บริหารพรรคเพื่อไทย ไปพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งอาจเข้าข่ายถูกชี้นำ ครอบงำ ตามมาตรา 28 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากที่สื่อมวลชนได้รายงานว่า มีอดีตผู้บริหาร รวมถึงส.ส.พรรคเพื่อไทย ราว 6-7 คน ในพื้นที่อีสาน นำโดย นายเกรียง กัลป์ตินันท์ นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี และประธาน ส.ส.อีสาน และ นางสมหญิง บัวบุตร ส.ส.อำนาจเจริญ เป็นต้น เดินทางจากประเทศไทยไปพบนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เดินทางมาประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 6-12 มี.ค.65 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จากประเด็นดังกล่าวทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนอย่างมากถึงความเหมาะสม เนื่องด้วย นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนักโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลายคดี และหนีไปอยู่ต่างประเทศหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งตัวแทนของประชาชนควรจะชี้เบาะแสให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำตัวมาลงโทษ
"ที่สำคัญการไปพบปะดังกล่าวพบว่า มีนักธุรกิจเจ้าของโรงสีใหญ่ในอำเภอเลิงนกทา จ.ยโสธร ซึ่งเป็นพี่ชายของส.ส. พรรคเพื่อไทย จ.ยโสธร และเป็นเพื่อนของอดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แกนนำพรรคเพื่อไทยในอีสาน เข้าไปคุกเข่าพนมมือยกมือไหว้นายทักษิณ อยู่ด้วย ซึ่งมีข้อสงสัยกันมากว่า อาจเป็นการขออนุญาตจากนายทักษิณ ในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในนามพรรคเพื่อไทยสมัยหน้า ที่จะมีการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปด้วย" นายศรีสุวรรณ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ซึ่งข้อมูลดังกล่าวไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่อาจต้องพิจารณาผลอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต ว่าจะเป็นจริงตามข้อมูลดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร เพราะถ้าบุคคลดังกล่าว ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทย การพบปะกันครั้งนี้ในประเทศสิงคโปร์ จะสามารถเชื่อมโยงชี้ชัดถึงน้ำหนักด้วยเหตุและผลตามข้อสงสัยนี้ได้โดยชัดแจ้ง
นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า ทางสมาคมจึงมายื่นร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อขอให้ดำเนินการไต่สวนบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องข้างต้นทั้งหมดที่เดินทางไปพบนายทักษิณ ให้กระจ่างว่าเข้าข่ายให้บุคคลซึ่งมิใช่สมาชิกพรรคเพื่อไทยชี้นำ ครอบงำ ตาม ม.28 ของกฎหมายลูกพรรคการเมืองหรือไม่ ซึ่งหาก กกต.วินิจฉัยว่าฝ่าฝืน ก็อาจเข้าข่ายความผิดตาม ม.92 (3) อันเป็นเหตุให้ถูกพรรคการเมืองนั้นถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคได้ต่อไป