2 มีนาคม 2565 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญกฎหมายลูก 2 ฉบับนั้น โดยรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ฝากประเด็นอะไรไปพิจารณา ก็ไม่เคยให้นโยบายอะไรไป เพราะคณะกรรมาธิการแบ่งสัดส่วนเป็นโควต้าอยู่แล้ว ซึ่งถ้ามีอะไรก็พูดคุยกับกรรมาธิการในสัดส่วนของรัฐบาล จำนวน 8 คนได้
ทั้งนี้ กฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ ไม่ใช่ของรัฐบาลโดยแท้ รัฐบาลทำหน้าที่เสนอแทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วต้องมาถาม กกต. ถ้ากกต.ไม่เห็นชอบก็จะแนะนำรัฐสภาเป็นผู้แก้ไข ฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องของ กกต. ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล และกฎหมายนี้ต้องทำงานแข่งกับเวลาให้เสร็จภายใน 180 วัน ถ้าไม่เสร็จก็ต้องเห็นชอบตามร่างที่เสนอ ต่างจากกฎหมายอื่นที่จะทำ 2 ปีก็ไม่มีใครว่า
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว นายวิษณุ ได้นิ่งไปช่วงหนึ่ง ก่อนตอบว่า "ที่นิ่งไม่ได้คิดหนัก หรือเป็นคำถามที่ตอบยากอะไร มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะถาม คือ ถ้าจะไปแก้รัฐธรรมนูญ แต่แก้ได้หรือไม่นั้น ไม่รู้ แล้วจะไปแก้ทำไม เพิ่งแก้มาหมาดๆ ถ้าจะแก้ แก้เรื่องอื่นที่มีความสำคัญกว่า"
ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค แต่มีคนเสนอชื่อนายสาธิต ไปแข่ง ถือว่าเป็นความขัดแย้งหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ไม่ปฏิเสธทั้ง 100% ที่จริงน่าจะมีการพูดกันมาก่อน แต่ทราบว่าเรื่องนี้ไม่มีการพูดกันมาก่อน พรรคร่วมรัฐบาลไม่มีใครรู้ว่าจะให้ใครเป็นประธานกรรมาธิการ เรื่องนี้ผิดปกติมาตั้งแต่ต้น เดิมที นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นเจ้าของร่างและผู้พูดสรุปในรัฐสภา แต่ไม่มีชื่อนายวิเชียร เป็นกรรมาธิการ แปลว่ายังไม่พูดจาอะไรกันที่ชัดเจน
เมื่อถามว่า แสดงว่าเอกภาพของรัฐบาลในสภาฯมีปัญหาใช่หรือไม่ เพราะเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่ตกลงกันให้ชัดเจน นายวิษณุ กล่าวว่า ก็แล้วแต่จะคิด ตนประเมินเรื่องนี้ แต่ไม่ขอออกความเห็นทางสาธารณะ
เมื่อถามว่า เช่นนี้แล้วงานสภาฯต้องปรับปรุงหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า "ต้อง"
เมื่อถามว่า คำว่า "ต้อง" ที่ว่าหมายถึงอะไร นายวิษณุ กล่าวว่า แค่นี้พอแล้ว เพราะสื่อก็พาดหัวไป 7 วันแล้ว
เมื่อถามว่า แสดงความคิดเห็นออกไปแล้วคิดว่าจะทำตามหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ได้บอกกับเขาว่าให้ทำอะไร เมื่อสื่อถามมาว่าต้องปรับปรุงหรือไม่ ตนก็ตอบสื่อว่าต้อง ส่วนจะทำตามหรือไม่ คิดว่าเขาคงไม่ได้ยินตนพูด ก็ให้รออ่านจากสื่อที่นำเสนอ
ส่วนที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาพูดเรื่องความไม่ชัดเจนในการตั้งประธานกรรมาธิการจะกระทบต่อเสถียรของรัฐบาลและนายกฯ ด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนก็ห่วงใยในฐานะส่วนหนึ่งของรัฐบาล แต่ก็มีคนอื่นที่ห่วงใย เขาก็คงทำงานของเขาไป และเรื่องนี้ตนไม่ได้หยิบยกไปคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ นายกฯเคยหารือเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลด้วยหรือไม่ หากเกิดอุบัติเหตุกฎหมายลูกไม่ผ่านจะดำเนินการอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า รัฐบาลไม่เคยคุยเรื่องนี้อย่างจริงจัง แค่คุยธรรมดา เป็นการปรารภไม่ใช่คำปรึกษาไม่มีข้อยุติอะไร และยืนยันไม่กังวลเรื่องอุบัติเหตุ และพรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจการพิจารณากฎหมายเป็นอย่างดี และถ้าเกิดอุบัติเหตุ มันก็จะมีทางออก
เมื่อถามว่า เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ขอตอบให้ไปถามอยู่ในแวดวงเรื่องนี้เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะดีกว่า คงจะอ่านอะไรได้ขาดกว่าตน