
จากกรณีสะพานข้ามคลองเคล็ด ถนนอุดมสุข ทรุดตัว เมื่อวันที่ 26 ก.พ.65 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.00 น. ส่งผลทำให้เสาไฟฟ้าและบ้านพักอาศัยของประชาชนได้รับความเสียหายจากการทรุดตัวจำนวน 5 หลัง อาคารพาณิชย์บริเวณข้างเคียงที่ต้องทำการเฝ้าระวังจำนวน 11 คูหา
จากการตรวจสอบพบว่า สาเหตุเกิดจากน้ำใต้ดินรั่วไหลเข้ามาทางปล่องรับน้ำอาคารคลองเคล็ด (Shaft S3) ส่งผลให้ดินที่อยู่โดยรอบบริเวณสะพานและพื้นที่ไกล้เคียง ไหลเข้ามาในปล่องรับน้ำจึงทำให้เสาเข็มของสะพานเกิดการทรุดตัว สร้างความเสียหายที่โครงสร้างด้านบน ท่อประปาแตกเสียหาย และทำให้เกิดถนนทรุดตัวความยาวประมาณ 80 เมตร ความลึกประมาณ 1.50 ถึง 2.50 เมตร ช่วงตั้งแต่คลองเคล็ดไปถึงทางแยกศรีอุดม ถนนศรีนครินทร์
นางเรณู ชูสง่า ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ กล่าวว่า การทรุดตัวของสะพานข้ามคลองเคล็ด
ส่งผลกระทบ ต่อการทำมาหากิน การทำงานก็ไม่สะดวก ลำบากมาประมาณ 3 ปีแล้ว ตั้งแต่เค้าขุดถนน จอดรถเอาของก็ไม่ค่อยได้ ติดขัดไปหมด เอาของขึ้นลำบาก และยังมาเจอแบบนี้อีกไม่รู้ว่าจะกระทบไปอีกนานเท่าไหร่ การทำมาหากินที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่จากทางนี้ทางเดียว ผลจากโควิดก็ด้วย ทางบริษัทเค้าบอกว่าจะรับผิดชอบ ลงชื่อไปหมดแล้ว แต่จะช่วยยังไงก็ต้องรอดูกันต่อไป เค้าบอกว่าจะทำตรงนี้ให้รถพอวิ่งได้ ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน แต่ว่าเดือนนึงจะเสร็จไหมก็ไม่รู้
ด้านเจ้าของอู่ซ่อมรถ ที่ได้รับผลกระทบ นาย กฤษณะ กิจรุ่งเรืองกุล กล่าวว่า ได้รับผลกระทบ เพราะปิดถนนที่เป็นถนนเส้นที่ผ่านหน้าซอยก่อนเข้าร้านเลย เวลาลูกค้ามาเค้ามาลำบาก ลูกค้าก็ไม่มา มันไกลมันไปอ้อมเยอะ เราทำอะไรไม่ได้เลย แล้วอีกฝั่งเค้าก็ปิดด้วย มันมาลำบากเค้าก็ไม่อยากมากัน มันกระทบตั้งแต่ปิดถนนสองเลนแล้ว แต่ทีนี้มันก็เลยหนักขึ้นไปกว่าเดิมอีก เค้าเยียวยาแล้ว โดยให้เราไปลงทะเบียนเป็นผู้ประสบภัย ถือว่าได้รับผลกระทบแบบข้างเคียงเพราะไม่มีลูกค้า แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร
กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการระบายน้ำ สำนักการโยธา สำนักงานเขตพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง สถานีตำรวจนครบาลพื้นที่ ได้เร่งแก้ไขและให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งวางแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวออกเป็น 4 ด้าน ประกอบด้วย
1. การแก้ไขปัญหาใต้ดินจะทำการแก้ปัญหาน้ำและดินที่มีการรั่วไหลเข้าไปภายในปล่องรับน้ำอาคารคลองเคล็ด (Shaft S3) โดยจะใช้กระสอบทรายทำการเรียงปิดกั้นน้ำพร้อมถมทรายภายในปล่องรับน้ำเข้าอุโมงค์ซอยอุดมสุข 56 (Shaft S4) เพื่อให้มีความแข็งแรงและเป็นการปิดกั้นน้ำที่จะรั่วไหลเข้าไป พร้อมทำการสูบน้ำจากบึงหนองบอนลงไปในปล่องรับน้ำบึงหนองบอน (Shaft S1) และปล่องรับน้ำคลองหนองบอน (Shaft S2) เพื่อให้ระดับน้ำภายในอุโมงค์จาก Shaft S1 ถึง Shaft S4 มีระดับเท่ากันกับระดับน้ำใต้ดิน เพื่อให้เกิดการรักษาความสมดุลของแรงดันน้ำ (Balance Water Pressure) ไม่ให้แรงดันน้ำส่งผลกระทบที่จะทำให้เกิดจุดรั่วซึมขึ้นมาอีก และจะทำการสำรวจอย่างละเอียดเพื่อแก้ไขเป็นการถาวรขั้นต่อไป
2. การแก้ไขปัญหาบนผิวดินได้ทำการถมวัสดุผิวทางบริเวณถนนที่ยุบตัวบนถนนอุดมสุข โดยจะเข้าทำการรื้อย้ายเสาเข็มสะพานข้ามคลองเคล็ดที่ทรุดตัวเสียหายออก หลังจากนั้นจะเข้าทำการก่อสร้างสะพานชั่วคราวเริ่มจากซอยอุดมสุข 58 ถึงอุดมสุข 53 ความยาวรวมประมาณ 100 เมตร ซึ่งใช้เวลาดำเนินการประมาณ 1 สัปดาห์ เมื่อแล้วเสร็จสามารถเปิดการจราจรบนถนนอุดมสุขชั่วคราวเพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
3. การแก้ไขปัญหาการจราจรในบริเวณพื้นที่โดยรอบเพื่อลดผลกระทบ โดยแขวงการทางสมุทรปราการและตำรวจจราจร ได้มีการประชาสัมพันธ์เรื่องการปิดเส้นทางการจราจรบนถนนอุดมสุข และทางเบี่ยงทางลัดต่อผู้ที่ใช้เส้นทางสัญจรดังกล่าว พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจจากสำนักงานเขตประเวศ เขตพระโขนง และเขตบางนา ช่วยอำนวยความสะดวกการจราจรและแนะนำการใช้เส้นทาง พร้อมทั้งจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์บริเวณสะพานลอย และตามเส้นทางก่อนเข้ามาในถนนอุดมสุขเพื่อให้ประชาชนได้หลีกเลี่ยงเส้นทางบนถนนอุดมสุข โดยได้ติดตั้งป้ายและประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อด้านต่างๆ
4. การแก้ไขปัญหาระบบสาธารณูปโภคที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่บริเวณดังกล่าวทั้งในส่วนของ การไฟฟ้านครหลวงและการประปานครหลวง มีความจำเป็นต้องทำการตัดไฟ และปิดการจ่ายน้ำ จึงทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน โดยในส่วนของระบบน้ำประปาของการประปานครหลวง อยู่ระหว่างดำเนินการวางท่อ HDPE ชั่วคราวเพื่อจ่ายน้ำให้กับประชาชนในพื้นที่ และในส่วนของระบบไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง อยู่ระหว่างติดตั้งไฟฟ้าชั่วคราวให้กับบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 วัน ซึ่งจะเข้าดำเนินการติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้าถาวรหลังจากผู้รับจ้างทำการถมวัสดุผิวทางที่ยุบตัวแล้วเสร็จ
เบื้องต้นอาจต้องทำเส้นทางเบี่ยงและสะพานเป็นการชั่วคราว แต่จากการประเมินคาดว่าจะใช้เวลาการปรับปรุงถนนและสะพานประมาณ 1 เดือน จะสามารถคืนการจราจรได้ ทั้งนี้กรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายสำนักการระบายน้ำ สำนักการโยธา สำนักงานเขต ร่วมหารือกับผู้รับจ้างในการวางแผนและเร่งดำเนินการปรับปรุงโดยเร็ว สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นบริษัทผู้รับจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด