svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

อสส.สั่งฟ้อง "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" กับพวกทุจริตระบายข้าวบูล็อค

28 กุมภาพันธ์ 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เลขาธิการ ป.ป.ช. เผย อสส.มีความเห็นสั่งฟ้อง "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" กับพวกทุจริตระบายข้าวบูล็อก อินโดนีเซีย เอื้อประบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด

ความคืบหน้าคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (กรรมการ ป.ป.ช.) มีมติชี้มูล และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด พิจารณา โดยวันนี้ (28 ก.พ.65) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงว่า ได้รับแจ้งว่า อัยการสูงสุด มีความเห็นพ้องกับคณะกรรมการร่วมสองฝ่าย (อัยการ-ป.ป.ช.) โดยมีมติสั่งฟ้อง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก คดีปรับปรุงข้าวส่งออกไปยังอินโดนีเซีย เอื้อประบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด หรือคดีข้าวบูล็อค

อสส.สั่งฟ้อง "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" กับพวกทุจริตระบายข้าวบูล็อค

คดีนี้ กรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กับพวกที่เป็นเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) กรณีเมื่อเดือน ธ.ค. 54 มีการระบายข้าว 3 แสนตัน ให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ปรับปรุงข้าวเพื่อส่งมอบให้แก่ประเทศ อินโดนีเซีย  ตามสัญญาการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) หรือที่เรียกว่าคดีข้าวบูล็อค ซึ่ง กรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่าการกระทำของนายกิตติรัตน์ เข้าข่ายเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

 

ส่วนอดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ เจ้าหน้าที่กรมการค้าต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า อีก 10 ราย ถูกชี้มูลความผิดตามกฎหมายอื่น

จากการไต่สวนข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2554 องค์การคลังสินค้ากับองค์การสำรองอาหาร หรือ บูล็อค ของรัฐบาลอินโดนีเซีย ทำสัญญาซื้อขายข้าวปริมาณ 300,000 ตัน ในราคาตันละ 559 เหรียญสหรัฐ และเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญา องค์การคลังสินค้า จึงได้ออกประกาศเชิญชวนผู้ประกอบการค้าข้าวให้เสนอขายข้าวขาว 15% เพื่อส่งมอบให้แก่ บูล็อค โดยวิธียื่นซองเสนอราคา ในวันที่ 13 ธ.ค. 2554 โดยไม่ปรากฏว่าได้มีการประกาศเป็นการทั่วไป ซึ่งไม่ชอบด้วยระเบียบองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการจัดซื้อสินค้าเพื่อการค้าปกติ พ.ศ. 2541

 

วันที่ 14 ธ.ค. 2554 มีเอกชน 2 รายยื่นซองเสนอราคา คือ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว จำกัด แต่ทั้ง 2 บริษัท มอบอำนาจให้พนักงานของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้มายื่นซองเสนอราคา ผลการพิจารณาคุณสมบัติ ปรากฏว่า บริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว จำกัด ไม่ผ่านการพิจารณา จึงเหลือเพียงบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เพียงบริษัทเดียว

 

นายสุรศักดิ์ ศรีประภา ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า ในขณะนั้น และได้รับมอบหมายให้รักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ได้อนุมัติให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่ บูล็อค โดยองค์การคลังสินค้าได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายข้าวกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด 100,000 ตัน ราคาตันละ 559 เหรียญสหรัฐ

อสส.สั่งฟ้อง "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" กับพวกทุจริตระบายข้าวบูล็อค

 

 

 

องค์การคลังสินค้าได้มีการทำบันทึกต่อท้ายสัญญากับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เพื่อตกลงซื้อขายข้าวเพิ่มเติมอีก  200,000 ตัน โดยไม่มีการออกประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปให้ผู้ประกอบการค้าข้าวเสนอราคาขายข้าวเพื่อแข่งขันราคากันแต่อย่างใด กรณีดังกล่าวจึงถือได้ว่านายสุรศักดิ์ ศรีประภา ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า และได้รับมอบหมายให้รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า นายพิทีรต์ ตั้งพสสวัสดิ์ หรือ นายพิพรรธารย์ มาตธินินทร์ รองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า และ นายสมศักดิ์ วงศ์วัฒนศานต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ได้ร่วมกระทำไปโดยมุ่งหมาย และมีวัตถุประสงค์ที่จะเอื้ออำนวยให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ได้เข้าเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับองค์การคลังสินค้าและไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่น โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม อันเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ เพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการเสียหายแก่องค์การคลังสินค้า

 

ข้อเท็จจริงยังรับฟังได้อีกว่า ภายหลังจากที่องค์การคลังสินค้าได้คัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบให้แก่บูล็อค ของรัฐบาลอินโดนีเซีย ตัวแทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ได้เข้าพบนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง  ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทักท้วงว่าการคัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ทราบข้อเท็จจริงอยู่แล้ว แต่ ไม่ใช้อำนาจ ในฐานะ รมว.พาณิชย์ สั่งการให้มีการตรวจสอบ หรือดำเนินการใดๆ เพื่อยับยั้งหรือแก้ไขปัญหาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายขององค์การคลังสินค้า

 

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ ว่าการกระทำของนายกิตติรัตน์ มีมูลความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192

 

การกระทำของนายสุรศักดิ์ ศรีประภา นายพิทีรต์ ตั้งพสสวัสดิ์ หรือ นายพิพรรธารย์ มาตธินินทร์ นายสมศักดิ์ วงศ์วัฒนศานต์ และบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด กับพวก มีมูลความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มาตรา 10 และมาตรา 12 พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

 

การกระทำของนายสุรศักดิ์ ศรีประภา นายพิทีรต์ ตั้งพสสวัสดิ์ หรือ นายพิพรรธารย์ มาตธินินทร์ นายสมศักดิ์ วงศ์วัฒนศานต์ และบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด กับพวก มีมูลความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มาตรา 10 และมาตรา 12 พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

 

สำหรับ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงในลักษณะนอมินีของ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ของ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ที่ถูกศาลล้มละลาย พิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ตามคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ ล.18747/2552 รวมทั้งเคยเป็นคู่สัญญาการค้าขายข้าวกับรัฐบาลในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2544/2545 และปี 2546/2547 จำนวน 1.9 ล้านตัน แต่ไม่สามารถส่งมอบข้าวได้ตามสัญญา ผลประโยชน์ที่รัฐควรได้จึงตกไปเป็นของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด กับพวกพ้องที่เป็นนักการเมือง ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ เอื้อประโยชน์แก่กันและกันต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน

logoline