จากสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย ที่ปัจจุบันนี้ มีผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งสูงจนแตะหลัก 2 หมื่นรายต่อวัน ทำให้ในวันนี้ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 โทรไปใช้บริการสายด่วน 1330 เพื่อเข้าระบบการดูแลรักษาที่บ้าน (Home Isolation) ล่าสุดในกรณีเช่นนี้ ได้เกิดปัญหาในหลายๆจังหวัด และหลายๆ พื้นที่ที่เป็นข่าวในทุกวันนี้ เนื่องจากระบบ 1330 มีผู้ใช้สายด่วนเป็นจำนวนมากในขณะนี้ ทำให้เกิดปัญหาโทรไม่ติด หรือโทรแล้วไม่มีคนที่รับสายและบางกระแสข่าวเผยต้องรอการติดต่อกลับที่ใช้เวลานานเกินไปที่ต้องรอนานถึง 2-3 วัน
ล่าสุด สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า การโทรเข้าสายด่วน 1330 กด 14 นั้น สามารถโทรเข้ามาขอรับการประสานงานเพื่อจัดหาหน่วยบริการมาดูแลแบบ Home Isolation ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถโทรได้จากทุกจังหวัดและโทรได้ทุกสิทธิสุขภาพ
สาธารณสุขประเทศไทยได้นำแนวทางโฮมไอโซเลชั่น (Home Isolation) มาใช้ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้รับรองว่า ผู้เอาประกันภัยที่เข้ารับการรักษาตัวด้วยวิธีนี้ จะได้รับความคุ้มครองในกรมธรรม์ตามเดิม เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงได้เข้าถึงการรักษา ผู้ป่วยใหม่ที่ยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 สามารถลงทะเบียนเพื่อรับยา และเข้าถึงแพทย์ด้วยวิธีการ Telemedicine ได้จนกว่าจะหาย
เป็นช่องทางที่ประชาชนเห็นว่า ติดต่อง่ายที่สุด จึงมีประชาชนโทรเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยช่วงหลังวันตรุษจีนเป็นต้นมาจำนวนสายโทรเข้าเพิ่มขึ้นจาก 17,000 สาย เป็น 50,000 lkp ล่าสุดสูงถึง 20,000 สาย/วันแล้ว และมีข้อมูลอ้างอิง มีการโทรติดต่อสูงถึง 50 สายต่อวินาที ซึ่งด้วยปริมาณการโทรมากขนาดนี้ แม้จะเพิ่มคู่สายและจำนวนเจ้าหน้าที่แล้วก็อาจจะประสบปัญหาโทรติดอยาก
อย่างไรก็ตาม ขอให้มั่นใจว่าแม้จะโทรไม่ติด แต่หลังจากนั้นสักพักจะมีเจ้าหน้าที่โทรกลับไปหาเพื่อสอบถามข้อมูลแน่นอน
กรณีที่โทร 1330 ไม่ติด
-ไลน์ออฟฟีเชียล @nhso คลิก https://lin.ee/zzn3pU6 ในกรณีที่โทร 1330 ไม่ติด ก็สามารถ Add friend หรือพิมพ์เพิ่มเพื่อน @nhso ซึ่งในนั้นจะมีเมนูเกี่ยวกับโควิด-19 ให้เข้าไปกรอกข้อมูลเพื่อรับการดูแลแบบ Home Isolation ได้เช่นกัน หรือหากทำไม่เป็นก็สามารถพิมพ์สอบถามแอดมินได้ระหว่างเวลา 08.00-20.00 น. หรือการส่งข้อความ inbox เข้ามาที่เฟสบุ๊ก สปสช. ก็ได้ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand
-ลงทะเบียนด้วยตัวเองด้วยการสแกน QR code ที่อยู่บนเว็บไซต์ สปสช. หรือคลิกที่ลิงค์ https://crmsup.nhso.go.th/#TicketHI เมื่อสแกนแล้วจะมีแบบฟอร์มให้กรอกชื่อ เบอร์โทร ที่อยู่ปัจจุบัน โรคประจำตัว น้ำหนัก ส่วนสูง เมื่อบันทึกข้อมูลแล้ว 15-20 นาที ก็สามารถตรวจสอบได้เลยว่าจะมีหน่วยบริการไหนมารับดูแลทำ Home Isolation ให้ จากนั้นสแกนอีกครั้งเพื่อยืนยันตัวตนและรอการติดต่อจากหน่วยบริการเพื่อรับยา อุปกรณ์ปรอทวัดไข้ เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด อาหาร และการดูแลจากแพทย์ผ่านระบบ tele health ต่อไป
ล่าสุด ทาง ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าว่า "อยากแนะนำให้ลงทะเบียนด้วยตัวเองด้วยการสแกน QR code ก่อน หรือถ้าหา QR code ไม่เจอ ก็เข้าไป @nhso เพื่อกรอกข้อมูล ทั้ง 2 ช่องทางนี้ข้อมูลจะถูกส่งเข้าระบบเช่นกันและมีข้อดีคือไม่ต้องใช้เวลารอนานเหมือนการโทรเข้า 1330 แต่ถ้าหากไม่ถนัดเรื่องเทคโนโลยีก็สามารถโทรเข้า 1330 ได้ตามปกติ และถ้าโทรไม่ติดหรือไม่มีคนรับก็อย่ากังวลครับ เราจะมีเจ้าหน้าที่โทรกลับไปหาท่าน เพียงแต่อาจจะต้องรอสักพักหนึ่ง"
เมื่อสิ้นสุดกระบวนการรักษาโฮมไอโซเลชั่น (Home Isolation) แล้ว ยังคงต้องระวังตัวเองอย่างเคร่งครัด ด้วยการเว้นระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ หลังจากหายป่วยครบ 1 เดือน ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการพบปะผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หากยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ควรเว้น 3-6 เดือนหลังวันที่ตรวจพบเชื้อ
นอกจากนี้ ทีมข่าวขอนำสาระดีๆ ที่มีประโยชน์มาเป็นข้อมูลประกอบเพิ่มเติม หากรักษา Home Isolation แล้วอาการแย่ลง ต้องติดต่อแพทย์เพื่อเข้าสู่ระบบการรักษาในโรงพยาบาล โดยให้สังเกตอาการดังต่อไปนี้
1. ไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส
2. ท้องเสีย อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได้
3. วัดค่าออกซิเจนปลายนิ้วได้ต่ำกว่า 96%
4. หายใจไม่สะดวก พูดเป็นประโยคยาวๆ ไม่ได้
5. ไอมากขึ้น แน่นหน้าอกต่อเนื่อง
6. มีอาการซึม เรียกไม่รู้สึกตัว หรือไม่ตอบสนอง