
จากกรณีที่มีสื่อสังคมออนไลน์ นำเสนอว่าในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต มีชาวบ้านร้องเรียนผ่านกลุ่มไลน์ต่างๆ กรณีมีการนำ “รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า” มาขับขี่บนถนนสาธารณะ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว เช่น ป่าตอง ย่านเมืองเก่าภูเก็ต เป็นต้น เนื่องจากผู้ร้องเรียนเกรงว่าจะเกิดอันตราย และความไม่ปลอดภัยทั้งผู้ใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และยานยนต์ทั่วไป ทำให้ตำรวจ จับปรับผู้ใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ มากมาย ทั้งที่เข้าใจและไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
ดังนั้น ผู้ที่นำรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามาใช้ในทางสาธารณะ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ มาตรา 6 ห้ามมิให้นำรถที่ไม่ได้จดทะเบียนมาใช้ในทางสาธารณะ มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งในส่วนของพื้นที่ความรับผิดชอบของสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต เน้นการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้ทราบเบื้องต้นก่อน และจะมีการบังคับใช้กฎหมายต่อไปในอนาคต
ส่วนของการนำรถสกู๊ตเตอร์มาใช้ในทางสาธารณะ นั้น พ.ต.ท.กมลาสณ์ กล่าวว่า แม้ในต่างประเทศจะมีการใช้ค่อนข้างแพร่หลาย แต่ในประเทศไทยยังติดขัดในข้อกฎหมาย และส่วนตัวมองว่ายังไม่เหมาะด้วยสภาพการจราจร หรือสภาพของถนน สิ่งที่น่ากังวล คือ ผู้ขับขี่ส่วนหนึ่งไม่เคารพกฎจราจร ทั้งการฝ่าสัญญาณไฟจราจรหรือขับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าย้อนศร ทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ขับขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าด้วยกันเองและผู้ใช้รถใช้ถนนอื่นๆ ด้วย
นอกจากนี้ ตัวสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าก็ไม่มีไฟเบรก ไม่มีไฟเลี้ยวในการให้สัญญาณกับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการหารือและผลักดันเพื่อให้นำมาใช้ได้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ นายกรณ์พิทักษ์ อาสนสุวรรณ หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต กล่าวในเรื่องเดียวกันนี้ว่า กรณีการนำรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามาใช้บนทางสาธารณะค่อนข้างคล้าย หรือถือว่าเป็นรถจักรยานยนต์ได้ แต่ไม่สามารถจดทะเบียนตาม พ.ร.บ.รถยนต์ 2522 ได้ เพราะจะต้องมีอุปกรณ์ส่วนควบต่างๆ อีก เช่น กระจกมองข้าง ความกว้างยาว และสูงของตัวรถต้องเป็นไปตามระเบียบของกรมขนส่งทางบก ความมั่นคงแข็งแรง ความเร็ว เป็นต้น
ส่วนของการใช้ประโยชน์นั้นไม่ได้มีการห้าม แต่ควรกำหนดพื้นที่ใช้งาน เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ ส่วนที่มีคำถามว่า ทำไมรถจักรยานสามารถใช้ทางสาธารณะได้ เพราะมีข้อกำหนดของการใช้ทางร่วม แต่รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเป็นกึ่งรถจักรยานยนต์ที่มีเครื่องยนต์ หากเกิดอุบัติเหตุในทางสาธารณะใครจะเป็นคนรับผิดชอบหรือดูแลผู้บาดเจ็บ และอื่นๆ ที่ตามมา ซึ่งยังไม่มีความชัดเจน
อย่างไรก็ตาม นายกรณ์พิทักษ์ กล่าวว่า การจะนำรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไปใช้นั้น จะต้องมีการกำหนดพื้นที่ที่ชัดเขน เช่น พื้นที่ส่วนบุคล พื้นที่ของโรงแรม หรือพื้นที่ปิด เป็นต้น ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ห้าม แต่หากนำมาใช้ร่วมกับรถอื่น ๆ เกรงจะเกิดปัญหาเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการหารือกับทางตำรวจ ในการทำความเข้าใจกับผู้ที่นำรถสกู๊เตอร์ไฟฟ้ามาให้บริการจะต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มลูกค้าให้ชัดเจนว่า พื้นที่ไหนสามารถใช้ได้หรือไม่ได้อย่างไร โดยเฉพาะในแง่ของการส่งเสริมท่องเที่ยว
ขณะที่ พ.ต.อ.สุจินต์ นิลบดี ผู้กำกับการสถานีตำรวจป่าตอง กล่าวชี้แจงว่า กรณีการจับปรับผู้ใช้รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในพื้นที่ป่าตอง ว่า ทางสถานีฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรฯ ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจเพื่อไม่ให้มีการนำมาใช้ในทางทางสาธารณะ เพราะเป็นรถที่กรมการขนส่งทางบกไม่อาจจดทะเบียนให้ใช้อย่างถูกต้องได้ และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงบนท้องถนน นำมาซึ่งความสูญเสียได้
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.-19 ก.พ.65 งานจราจร สภ.ป่าตอง ได้ทำการตรวจสอบบุคคลที่ใช้รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ในพื้นที่ ต.ป่าตอง และมีการออกใบสั่งในข้อหา “นำรถที่ไม่ได้จดทะเบียนและเสียภาษีมาใช้ในทาง และไม่มีใบอนุญาตขับรถ” เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 6 และได้ทำการตรวจยึดรถสกู๊ตเตอร์ไว้ 4 คัน เพื่อทำการตรวจสอบที่มาของรถ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้มีการเชิญผู้ให้บริการรถสกูตเตอร์ไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าตอง ประชุมหารือหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว
ภาพ/ข่าว : สาลินี ปราบ จ.ภูเก็ต