ตร. จ่อเอาผิดญาติ “เค 100ล้าน” ฐานประมาท ปล่อยก่อเหตุป่วนซ้ำหลายครั้ง

     ความคืบหน้ากรณี  "นายคเณศพิศณุเทพ จักรภพมหาเดชา" หรือ "เค 100ล้าน" นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง คุ้มคลั่งก่อเหตุเอาสีราดตัวเอง พร้อมขว้างปาขวดแก้วจนแตก ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านปทุมวัน และ ไปยืนตะโกนโวยวายสนามบินสุวรรณภูมิ สร้างความตื่นตกใจให้กับประชาชนทั่ววานนี้ (13 ก.พ.) ก่อนที่ล่าสุดวันนี้ เจ้าตัวจะโพสค์คลิปถูกเท้าปริศนาถีบจนล้มกลิ้งกลางวัด (อ่านรายละเอียด)

     โดยในส่วนคดีสีราดตัวเอง พร้อมขว้างปาขวดแก้วจนแตก ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังนั้น พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผู้กำกับการ สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิตเวช ถือเป็นบุคคลวิกลจริตที่ไม่สามารถแจ้งข้อหาดำเนินคดีได้ แต่การก่อเหตุดังกล่าวพบว่าเป็นการกระทำผิดซ้ำซากที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ในหลายท้องที่ พนักงานสอบสวนจึงเห็นควรดำเนินคดีกับญาติที่ปล่อยปละละเลยให้ผู้ก่อเหตุออกมาสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น  

     เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาผู้ก่อเหตุ ไป 2 ข้อหา คือ “ความผิดฐานก่อความเดือดร้อนรำคาญ สั่งปรับ 5,000 บาท” และ “ความผิดฐานส่งเสียงดังโดยไม่มีเหตุอันควร ทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อน” สั่งปรับ 1,000 บาท และหากหลังจากนี้มีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าวมาแจ้งความอีก ตำรวจก็จะพิจารณาความผิดฐาน “กระทำการโดยประมาท” เพิ่มเติมต่อไป

     ขณะที่ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงกรณีการก่อเหตุของ เค 100ล้าน ว่า สน.ปทุมวัน ได้รายงานมาว่า ทางฝ่ายกฎหมายของห้าง ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เบื้องต้นตำรวจจะดำเนินคดีแล้ว 

     ส่วนคดีของ สน.ลุมพินี อยู่ระหว่างรอผลตรวจแอลกอฮอล์ และสารเสพติด รวมทั้งสภาพจิต หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด ก็จะเเจ้งดำเนินคดีเพิ่มเติม โดยที่ผ่านมา ในใบรับรองแพทย์ระบุว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นโรคจิตอารมณ์แปรปรวน ได้มีการเข้ารักษาที่ โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 แต่ปัจจุบันผู้ป่วยรายนี้ได้ปฏิเสธที่จะเข้าไปรับยาเพื่อใช้รักษาอย่างต่อเนื่อง 

     พล.ต.ต.จิรสันต์ ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของเหตุการณ์ดังกล่าว ทางตำรวจจะต้องมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องของสุขภาพ และความเป็นอยู่ การใช้ชีวิตของผู้ป่วย เพื่อบังคับผู้ป่วยเข้ารับการรักษา และเป็นการหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุความรุนแรงในอนาคต ขณะเดียวกัน บุคคลใกล้ชิดหรือญาติที่เป็นผู้ดูแลผู้ป่วย หากผู้ป่วยมีการกระทำความผิดซ้ำ ญาติและผู้ดูแลก็จะต้องร่วมรับผิดชอบ เพราะเป็นการปล่อยปละละเลย

     ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินคดีกับผู้ป่วยรายนี้ เจ้าหน้าที่ทำได้เพียงดำเนินคดีในความผิดลหุโทษเท่านั้น ซึ่งอำนาจในการดำเนินคดี สามารถทำได้ในชั้นพนักงานสอบสวน ไม่สามารถส่งเรื่องไปชั้นศาลเพื่อดำเนินการต่อได้

     ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายในสังคมมองว่าผู้ก่อเหตุมีการกระทำผิดซ้ำบ่อยครั้ง จะเข้าข่ายบุคคลอันตรายหรือไม่ ทาง พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า บุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลที่น่าสงสาร เนื่องจากถือว่าเป็นคนป่วยที่มีใบรับรองแพทย์ยืนยันในการรักษาตัว ดังนั้น ตำรวจจึงอยากประชาสัมพันธ์ให้กับญาติพี่น้องและบุคคลที่เกี่ยวข้อง มีการดูแลคนก่อเหตุอย่างใกล้ชิด