svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

บิ๊ก 'แสนสิริ' มองตลาดอสังหาฯ ปี 65 ไม่สดใส

14 กุมภาพันธ์ 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เศรษฐา ทวีสิน” ชี้อสังหาฯ ปี 65 ไม่สดใส ปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งหนี้ครัวเรือนสูง ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง การเมืองไม่แน่นอน เงินเฟ้อ รายได้ลดปรับตัวเพิ่มขึ้น ฉุดกำลังซื้อ พร้อมกางแผนรับมือวิกฤติระยะยาว รุกธุรกิจใหม่

กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ และ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) จัดการอบรมหลักสูตร “Digital Transformation for CEO#3” โดยนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ร่วมบรรยายในหัวข้อ The Leadership Challenge : บริหารองค์กรให้ยั่งยืนและพร้อมรับมือภาวะวิกฤติระยะยาว 

นายเศรษฐา ได้ฉายภาพธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้โดยภาพรวมมองว่า ไม่สดใสจากตัวเลขหนี้ครัวเรือนซึ่งอยู่ในระดับที่สูงมาก ขณะที่ตัวเลขการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) สูงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้สถานการณ์การเมืองไม่แน่นอน ภาวะเงินเฟ้อสูง รายจ่ายสูง รายได้ลด กำลังซื้อหดตัว

โดยตลาดคอนโดมิเนียมยังอยู่ในภาวะโอเวอร์ซัพพลายพอสมควร แต่ก็ถือว่าดีขึ้นจากช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ ส่วน “แนวราบ” ยังมีอนาคตเนื่องจากดีมานด์โตต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจโลกเก่าที่ไม่ได้หวือหวาแต่สามารถอยู่ได้อย่างมั่นคง

อย่างปัจจุบันบริษัทสนใจลงทุนในธุรกิจใหม่เกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ อย่างแพลนต์เบส รวมถึงพลังงานสะอาด ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลเชิงลึก จากก่อนหน้านี้ได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจโรงแรม ฟินเทค สินทรัพยดิจิทัล จุดชาร์จรถ EV และธุรกิจที่เกี่ยวข้องไลฟ์สไตล์  

ด้านนายบุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวในหัวข้อ “Finding Growth in Crisis” ว่า ธุรกิจหลักของปตท. คือ พลังงาน ยิ่งในอนาคตความต้องการใช้พลังงานจะยิ่งเพิ่มขึ้น แต่

 การดำเนินธุรกิจแบบเดิมต้องเปลี่ยนไป โดยเฉพาะจากปัญหาโลกร้อน ดังนั้นต้องมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามา พลังงานรูปแบบใหม่ พลังงานไฟฟ้า เกษตรสมัยใหม่ สมาร์ทกริด และการลดคาร์บอน ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าช่วย

โดยธุรกิจใหม่ของปตท.จะไม่ได้ทำแค่ธุรกิจออยล์และแก๊ส แต่ต้องมุ่งเน้นพลังงานสะอาด แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มธุรกิจ อาทิ Life Science, Mobility & Lifestyle, High Value Business, Logistics & Infrastructure และ AI, Robotics & Digitalization โดยต้องเติบโตให้ได้ 30% ในพอร์ตเดิมในอีก 10 ปีข้างหน้า

ส่วนธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่ร่วมทุนกับฟ็อกซ์คอนน์ ตั้งเป้าผลิตขายออกสู่ตลาดปี 2567 จำนวน 50,000 คันต่อปี และขยายกำลังการผลิตเป็น 150,000 คันต่อปี ภายในปี 2573

logoline