ลูกเศรษฐี ลอบยิง"ไก่ป่า" กลางดึก โทษเท่ายิงเสือ

นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้รับรายงานจาก นายไชยวุฒิ อารีย์ชน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทยไยค ว่า มีนายพรานป่าเข้ามาล่าสัตว์ในเขตอุทยานแห่งชาติไทยโยค และในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำละว้า-ถ้ำดาวดึงส์

จึงให้ชุดสายตรวจอุทยานแห่งชาติไทรโยค นำกำลังเข้าตรวจสอบ กระทั่งมาถึงบริเวณป่าบ้านปากลำบ้องตี้ หมู่ที่ 5 ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นในราวป่า จึงกระจายกำลังซุ่มตามเส้นทาง พบรถยนต์ฟอร์ด เรนเจอร์ สี่ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กท 8793 กาญจนบุรี ขับออกมาจากราวป่า โดยมี นายวรวุฒิ อายุ 29 แต่อยู่นอกเขตพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติไทรโยค แต่ยังอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำละว้า-ถ้ำดาวดึงส์ ตามอำนาจคำสั่งของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ที่016/2565 ลงวันที่ 19 ม.ค.2565 เพิ่มอำนาจให้ทุกอุทยานแห่งชาติสามารถจับกุมได้ทุกพื้นที่ ในจังหวัดกาญจนบุรี 

จากการตรวจสอบพบซากไก่ป่า จำนวน 2 ซาก น้ำหนัก 2 กิโลกรัม และของกลางการกระทำผิด ประกอบด้วย อาวุธปืนยาวเดี่ยวลูกกรด ยี่ห้อ CZ ขนาด .22 พร้อมติดกล้องยี่ห้อ Bushnell จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 26 นัด ปลอกกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 1 ปลอก รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ FORD RANGER สี่ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กท 8793 กาญจนบุรี จำนวน 1 คัน หลอดเป่าไก่ จำนวน 1 หลอด ไฟฉายคาดหัว จำนวน 4 อัน มีดพก จำนวน 1 เล่ม และกระเป๋าเป้สะพายหลัง จำนวน 1 ใบ

เบื้องต้นทราบว่า นายวรวุฒิ เป็นลูกชายเจ้าของสวนยางรายใหญ่ในพื้นที่บ้านน้ำวน มีฐานะร่ำรวยขั้นเศรษฐี แต่มักชอบล่าสัตว์ป่า โดยอ้างว่ายิงไก่ป่าเพื่อไปทำอาหาร เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้กระทำผิดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายนิพนธ์ เผยว่า ถึงแม้สัตว์ป่าคุ้มครองที่ยึดได้ เป็นแค่ซากไก่ป่า แต่ทุกชีวิตของสัตว์ป่าก็มีความสำคัญต่อระบบนิเวศในระบบธรรมชาติต่างเกื้อกูลกัน และโทษของการล่าไก่ป่าสัตว์ป่าคุ้มครองก็ไม่แตกต่างกับการล่าเสือโคร่ง ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองเช่นเดียวกันมีโทษหนักเท่ากัน ตามมาตรา 12 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ระวังโทษจำคุก ตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี ปรับตั้งแต่ 300,000 บาท ถึง 1,500,000 บาท