นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงกรณีน้ำมันรั่วไหลจากท่อใต้ทะเลที่ จ.ระยอง ว่า หลังจากควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันประเมินและสรุปความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ทั้งความเสียหายทางเศรษฐกิจ ค่าเสียโอกาสทางการท่องเที่ยว การประมง การประกอบอาชีพของคนในพื้นที่ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการแก้ปัญหา ยืนยันว่าจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด เพื่อทวงคืนจากบริษัทต้นเหตุตามมูลค่าความเสียหายและค่าใช้จ่ายที่ภาครัฐใช้แก้ไขปัญหานี้
ทั้งนี้กระแสคลื่นลม ส่งผลให้ปริมาณคราบน้ำมันพัดเข้ามาถึงชายหาดแม่รำพึงไม่มากอย่างที่คาดการณ์ไว้ ขณะนี้ยังต้องป้องกันบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ซึ่งมีทั้งหาดทรายและปะการังน้ำตื้น
โดยกำชับให้ทุกหน่วยงาน ทั้งของจากกระทรวง ทส. กองทัพเรือ รวมถึงประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันระดมทั้งเรือและ Boom สกัดกั้นบริเวณร่องเสม็ด จากล่าสุดที่ตรวจพบคราบน้ำมันที่ชายหาดอ่าวพร้าว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเก็บตัวอย่างน้ำและดินตะกอนส่งตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อวิเคราะห์ว่าเป็นคราบน้ำมันที่รั่วไหลใต้ทะเลพัดขึ้นหาดหรือไม่
ด้าน นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ยืนยันว่า ส่งเจ้าหน้าที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.มาบตาพุด ไว้เป็นหลักฐานว่าหากทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเกิดความเสียจากผลกระทบของคราบน้ำมันรั่วไหลครั้งนี้ กรมขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นต้นเหตุต่อไป
ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก (ศวทอ.) ส่งเจ้าหน้าที่สำรวจระบบนิเวศปะการังและชายหาดอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด โดยสำรวจตลอดแนวหาดทรายระยะทาง 300 เมตรและหาดหินทั้งด้านในและด้านนอกของอ่าว รวมถึงดำน้ำสำรวจแนวปะการังตรงบริเวณน้ำตื้นจนถึงขอบแนวปะการังที่ความลึก 5 เมตร
ปรากฏว่าไม่พบคราบน้ำมันบนหาดทรายและหาดหิน รวมถึงไม่พบคราบน้ำมันบนผิวโคโลนีปะการัง ส่วนพฤติกรรมของสัตว์น้ำในบริเวณระบบนิเวศที่สำรวจ เช่น ปลาและหอย ยังคงเป็นปกติ