หมอธีระ เผย เอเชีย ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 35% ในขณะที่ทั้งโลกเพิ่มเพียง 9%
หมอธีระ เผย ทวีปเอเชียขาขึ้น เฉลี่ยทั้งโลกมีอัตราการเพิ่มของจำนวนติดเชื้อใหม่ 9% แต่ทวีปเอเชียเพิ่มถึง 35% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 4 เท่า และถือว่ามากสุดในทุกทวีป
23 มกราคม 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat" เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ว่า ทะลุ 349 ล้านไปแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 2,478,725 คน ตายเพิ่ม 5,738 คน รวมแล้วติดไปรวม 349,328,290 คน เสียชีวิตรวม 5,609,028 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ฝรั่งเศส อเมริกา อินเดีย อิตาลี และเยอรมัน
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 89.68 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 84.57
ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นคิดเป็นร้อยละ 47.95 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 39.57
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 5 ใน 10 อันดับแรก และ 10 ใน 20 อันดับแรกของโลก
ทวีปเอเชียกำลังขาขึ้นมากกว่าทุกทวีป หากดูสถิติรายสัปดาห์ เฉลี่ยแล้วทั้งโลกมีอัตราการเพิ่มของจำนวนติดเชื้อใหม่ 9% แต่ทวีปเอเชียนั้นเพิ่มถึง 35% สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 4 เท่า และถือว่ามากสุดในทุกทวีป ยอดติดเชื้อใหม่รายวันของทวีปเอเชียนั้นมากกว่าทวีปอเมริกาเหนือและใต้รวมกันถึง 167% ในขณะที่ญี่ปุ่นทำลายสถิติรายวันอีกครั้งด้วยการติดเพิ่ม 49,531 คน
สายพันธุ์ Omicron BA.2 เป็น Omicron ที่กลายพันธุ์ และกำลังระบาดเพิ่มขึ้นในยุโรป สถิติบางประเทศกำลังเป็นที่น่าจับตามอง เช่น ในนอร์เวย์ มีเพียง 7 ราย ณ วันที่ 4 มกราคม ผ่านไปเพียงสองสัปดาห์ เพิ่มเป็น 611 ราย ณ วันที่ 19 มกราคม ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ก็พบมากขึ้น อาทิ เดนมาร์ก สหราชอาณาจักร และอื่นๆ
แม้ในเดนมาร์กจะมีข่าวออกมา คาดว่าความรุนแรงน่าจะไม่ต่างจาก Omicron เดิม แต่คงต้องรอผลการวิจัยที่แน่ชัดออกมาอีกที รวมถึงการไขปริศนาอื่นด้วยว่า จะแพร่เร็วกว่าเดิมไหม ดื้อต่อวัคซีนมากขึ้นไหม
แต่คงมีความเป็นไปได้สูงเช่นกัน ที่จะมาที่ไทย เพราะเราเปิดรับนักท่องเที่ยวและคนเดินทางจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เหลือเพียงแค่ว่าจะเจอเมื่อใด
บทเรียน Omicron จากต่างประเทศ
ล่าสุดแอฟริกาใต้เผยแพร่ข้อมูลให้เห็นว่า แม้จะผ่านพีคมาแล้ว แต่อัตราการติดเชื้อในเด็กเล็กจนต้องนอนรพ.นั้นสูงกว่าช่วงอายุอื่น
เฉกเช่นเดียวกับในอเมริกา ที่มีตัวเลขชี้ชัดในเด็กเล็ก และในกลุ่มคนที่สูงอายุ ย้ำอีกครั้งว่า การป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดนั้นสำคัญมาก ใส่หน้ากากเสมอ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า เลี่ยงที่แออัด ที่ระบายอากาศไม่ดี งดการกินดื่มร่วมกับผู้อื่น พบคนน้อยลง สั้นลง เจอกันเท่าที่จำเป็น อยู่ห่างเกินหนึ่งเมตร
ปัญหา Long COVID จะเป็นปัญหาระยะยาวในอนาคต หากไม่ป้องกันตัว ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ดูแลตนเอง ครอบครัว และลูกหลานให้ดี
สวัสดีวันอาทิตย์ครับ