อธิบดีกรมปศุสัตว์ ขอเวลา "บิ๊กตู่" 8-12 เดือน พลิกสถานการณ์

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ พร้อมด้วย นายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายสัตวแพทย์กิจจา อุไรรงค์ ภาควิชาเวชศาสตร์และทรัพยากรการผลิตสัตว์ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้าพบ  พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ ในประเด็นการแก้ไขปัญหา อหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF ส่งผลทำให้ราคาเนื้อสุกรภายในประเทศไทยปรับตัวสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์

นายสัตวแพทย์สรวิศ เปิดเผยแพร่หลัง ที่แจ้งต่อนายกรัฐมนตรี ว่า "นายกฯ ได้เรียกมาถาม ว่า กรมปศุสัตว์ ได้มีการแก้ไขปัญหาอย่างไร  นายกรัฐมนตรีเข้าใจ และต้องการให้การแก้ปัญหา เดินหน้าไปด้วยกัน โดยนายกรัฐมนตรี  สั่งการให้ดำเนินการควบคุมโรค เร็วที่สุด มีประสิทธิภาพ  และฟื้นฟูเกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อย"

ส่วนกระแสข่าว กรมปศุสัตว์ ปกปิดการแพร่ระบาด นายสัตวแพทย์สรวิศ ชี้แจงว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีเข้าใจ เนื่องจากได้รายงานนายกรัฐมนตรีโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2561 ที่แพร่ระบาดในประเทศจีน และปี 2562 ดำเนินการอะไรไปบ้าง  กระทั่งยกระดับปัญหาสู่การเป็นวาระแห่งชาติ

"หากเราปกปิด ไม่เช่นนั้น เราส่งออกไปต่างประเทศ 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งเวียดนามและกัมพูชาคงไม่ได้ เพราะจะต้องมีการตรวจโรค จึงเป็นคำตอบที่สำคัญ"

อธิบดีกรมปศุสัตว์ ระบุด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ขีดเส้นตายในการแก้ไขปัญหา  แต่ขอให้ช่วยเหลือกัน เพราะโรคนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในประเทศไทย  แต่เกิด 34 ประเทศทั่วโลก แต่ได้ถามว่า การแก้ปัญหาราคาสุกร จะแล้วเสร็จเมื่อใด จึงรายงานไปว่า  จะใช้เวลา 8 - 12 เดือน

ส่วนฟาร์มแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐมออกมาระบุ ว่า  มีการแพร่ระบาดของเชื้อ ASF และมีหมูล้มตาย มากว่า 2 ปีแล้วนั้น นายสัตวแพทย์กิจจา บอกว่า เมื่อประกาศโรคติดต่ออย่างเป็นทางการแล้ว มาตรการที่จะต้องดำเนินการ   ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ คือ การฟื้นฟู อุตสาหกรรมเลี้ยงสุกรให้เข้มแข็งขึ้น  จึงย้ำว่า แนวทางการแก้ไขปัญหา คือ  จะต้องควบคุมการแพร่ระบาด โดยใช้หลักวิชาการไม่ให้เดือดร้อนกับผู้เลี้ยงและผู้บริโภค

อธิบดีกรมปศุสัตว์ปฏิเสธ ไม่ทราบ ถึงกรณีที่มีการข่มขู่เกษตรกร ไม่ให้ออกมาเปิดเผยข้อมูลการแพร่ระบาดในพื้นที่ ย้ำว่า "ตั้งแต่ทำงานมาเป็นอธิบดี ก็ผ่านโรคระบาดมาหลายครั้ง สามารถควบคุมเรียบร้อยทั้งหมด เช่นโรคในม้า และ lumpy Skin ในวัว ส่วนโรคนี้เกิดมาร้อยปีแล้ว ยังไม่มีวัคซีน นายกรัฐมนตรีก็เข้าใจและให้กำลังใจในการทำงานสำเร็จลุล่วง"