แม่ค้าขายหมูปิ้ง จ.ปัตตานี ทนไม่ไหว ขอขึ้นราคา

10 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาหมูเนื้อแดงในจังหวัดปัตตานี พบว่าแม่ค้าส่วนใหญ่เริ่มปรับราคาขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ด้วยเนื้อหมูที่ราคาแพงขึ้น ทำให้เจ้าของเขียงหมู ต้องปรับตัวใหม่ เปิดรับแบบพรีออเดอร์ หรือตามจำนวนลูกค้าที่สั่งเท่านั้น เพราะไม่อยากซื้อหมูมาเก็บไว้ เนื่องจากลูกค้าซื้อน้อยลง จะทำให้ขาดทุน

นางมณีวรรณ ยศติวงศ์ เจ้าของร้านแผงหมูริมถนนสายนาเกลือ ตำบลบานา ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี เผยถึงสถานการณ์ราคาหมูเนื้อแดงในพื้นที่ พบว่ามีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ราคาล่าสุดวันนี้เพิ่มขึ้นเป็น กก.ละ 200 - 210 บาท เนื่องจากราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น กก.ละ 107 - 113 บาท สูงกว่าราคาเดิมที่กรมการค้าภายในเคยตกลงไว้กับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติว่าจะคุมราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มไม่ให้เกิน กก.ละ 80 บาท

"ตอนนี้ราคาหมูเป็นตัวหน้าฟาร์มเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 85-89 บาท จากเดิมอยู่ที่ 75-80 บาท และมีแนวโน้มจะขยับขึ้นเป็น กก.ละ 90 บาท ส่วนหน้าโรงเชือดแต่เดิมเรารับหมูสามชั้นมากิโลกรัมละ 135-140 บาท แต่ตอนนี้ราคาพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 160 บาท ก็ต้องมาขายหน้าร้านกิโลกรัมละ 180 - 200 บาท จึงเป็นสาเหตุให้ราคาหมูเนื้อแดงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และทำให้ราคาเนื้อหมูแพงสุดในรอบ 30 ปี ที่ไม่เคยมีมาก่อน และขายแพงมากกว่านี้ก็ไม่ได้แล้ว เพราะในตลาดชุมชนย่านนี้ ไทยพุทธมีสัดส่วนที่น้อยมาก แผงหมูในตลาดก็มีน้อยด้วย สงสารผู้บริโภค"

ขณะที่เจ้าของร้านขายข้าวเหนียวหมูปิ้ง เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้ติดป้ายขอขึ้นราคาได้ 2 วันแล้ว จำเป็นต้องขึ้นราคาจากไม้ละ 5 บาท เป็น 7 บาท เนื่องจากแบกรับภาระต้นทุนไม่ไหว แต่หลังจากขึ้นราคาไปก็ส่งผลกระทบให้ทุกวันนี้ลดจำนวนต้นทุนลงเหลือ 30 กิโลกรัมจากปกติขายวันละ 50 กิโลกรัมต่อวัน 

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา หลังราชกิจจานุ เบกษาได้เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2565 เรื่องห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักร ลงนามโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2565

มีสาระสำคัญอยู่ที่การห้ามส่งออกหมูมีชีวิตเป็นเวลา 3 เดือน คือ วันที่ 6 ม.ค.-5 เม.ย. 2565
เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณหมูกลับสู่ตลาดในประเทศ 1 ล้านตัว และสั่งการให้ผู้เลี้ยงที่มีปริมาณการเลี้ยงเกิน 500 ตัว ผู้ค้าส่งที่มีปริมาณเกิน 500 ตัว ห้องเย็นที่มีการเก็บสต๊อกเกิน 5,000 กก.ขึ้นไป ต้องแจ้งสต๊อกให้กรมการค้าภายในรับทราบ