svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

อาจารย์ม.รามฯตั้งคำถามปลดอธิการ"สืบพงษ์"เพื่อผลประโยชน์ใคร

02 มกราคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

อาจารย์ม.รามคำแหง ตั้งคำถาม 4 ปมการปลดอธิการบดี "สืบพงษ์ ปราบใหญ่" กับบทส่งท้ายที่เจ็บปวดกับครอบครัวรามคำแหง ที่เด็กรามต้องอ่าน คนรามคำแหงต้องรู้

เมื่อได้ยินข่าว แถลงการณ์การถอดถอน ผศ.ดร.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง จากสภามหาวิทยาลัย ก็บอกตามตรงว่าอดใจหายไม่ได้จริงๆและก็ไม่คิดว่ามาก่อนว่าจะต้องออกมาบรรยายอารมณ์และความรู้สึกและความสังเวชใจของตัวเองแบบนี้

อาจารย์ม.รามฯตั้งคำถามปลดอธิการ"สืบพงษ์"เพื่อผลประโยชน์ใคร

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

สภาม.รามคำแหงถอดถอน"สืบพงษ์"พ้นอธิการบดี

 

...ช่วงเวลาประมาณกว่า 3 เดือนที่ผ่านมาของท่านอธิการบดี เชื่อได้อย่างสนิทใจสำหรับคนที่สัมผัสใกล้ชิดทุกคนว่า เห็นอะไรเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทั้งการวางรากฐานแนวคิดการบริหารงาน และนโยบายการบริหารงานที่สำคัญๆสอดคล้องกับสถานการณ์โลกปัจจุบัน ที่กำลังจะขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยของพวกเราทุกคนกำลังจะเดินหน้าแบบที่สัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำความร่วมมือกับสมาคม องค์กรต่างๆ หรือแม้แต่การพยายามจะสลายขั้วทางการเมืองไม่มีพวกเรา พวกฉัน พวกแก จะมีเพียงพวกเราชาวรามคำแหง เพราะหลายท่านคงจะเห็นแล้วว่าโลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทุกๆคนจึงจะต้องมีบทบาทหน้าที่ ในการช่วยเหลือและพัฒนาร่วมกัน 

อาจารย์ม.รามฯตั้งคำถามปลดอธิการ"สืบพงษ์"เพื่อผลประโยชน์ใคร

ซึ่งหากหลายๆคน จะเห็นการตั้งคณะทีมทำงาน ทีมผู้บริหาร แน่นอนแล้วว่าจะมีทั้งกลุ่มก้อนของอดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง  ขั้วการเมืองเดิม ขั้วการเมืองเก่า และทีมคณาจารย์หน้าใหม่ๆหลายๆอย่าง ซึ่งสามารถตอบได้อย่างบริสุทธิ์ใจว่า ท่านอธิการบดีต้องการ ให้ทุกคนช่วยกันขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยของพวกเราเดินไปข้างหน้าร่วมกันอย่างจริงใจ

อาจารย์ม.รามฯตั้งคำถามปลดอธิการ"สืบพงษ์"เพื่อผลประโยชน์ใคร

วันนี้คำถาม และข้อสงสัยต่างนานาคงติดอยู่ในใจของหลายๆคน ซึ่งผู้เขียนเองก็รู้สึกเช่นนั้นไม่ต่างจากภายในใจของพวกท่าน ความตื้นลึกหนาบาง คงตอบไม่ถูก บรรยายไม่หมดภายในข้อเขียนนี้ ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นทั้งบ้าน เป็นทั้งที่ทำงาน และมีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของหลายๆคน คือ องค์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช

 

พอหรือยังกับคำว่า “อำนาจและผลประโยชน์”การทำร้ายมหาวิทยาลัยเพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม...ที่ออกมาแซ่ซ้องสรรเสริญ ยินดีกับการกระทำของตน พวกเขาเหล่านั้นจะเคยคิดและรู้สึกบ้างไหมว่า “ชัยชนะบนกองซากปรักหักพังของมหาวิทยาลัยหรือบ้านแห่งนี้” มันจะเป็นอย่างไรต่อไป แน่นอนพวกเขาคงไม่คิดเรื่องแบบนี้ได้

อาจารย์ม.รามฯตั้งคำถามปลดอธิการ"สืบพงษ์"เพื่อผลประโยชน์ใคร

วันนี้ขออนุญาตมาแชร์ข้อมูลและการวิเคราะห์จากหลักฐานต่างๆ ที่พอรวบรวมได้ เช่น

 

1. เรื่องที่ดิน 2 แปลง ที่มีการร้องต่อ ป.ป.ช.

ข่าวเรื่องที่ดิน 2 แปลง ที่มีการยื่นหนังสือให้กับ ป.ป.ช. ตรวจสอบ โดยเครือข่ายฯอะไรก็ไม่ทราบได้ มีตัวตนหรือปล่าวก็ไม่มีใครเคยได้ยินหรือรู้จักมาก่อน เริ่มมีกระแสนี้ออกมาก่อนในวันที่ มีการลงมติถอดถอนอธิการบดีเพียงไม่กี่วัน จึงเป็นเหตุให้ชวนสงสัยอย่างยิ่ง ในฐานะ คนอ่านติดตามข่าวและพอจะใช้สติคอย คิด วิเคราะห์ถึงสถานการณ์และข้อเท็จจริงต่างๆ ก็ยิ่งทำให้แปลกใจว่า ทำไม จู่ๆ ถึงมียื่นหนังสือให้กับป.ป.ช.และมีการโหมกระแส ตีข่าวกันอย่างบ้าคลั่งในมหาวิทยาลัย จนในที่สุด วันที่ 24 ธันวาคม 2564 สภามหาวิทยาลัยมีมติถอดถอนอธิการบดี สืบพงษ์ ปราบใหญ่

 

ต่อมาสภามหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ว่า เรื่องที่ดิน 2 แปลงที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.นั้น ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นการถอดถอนอธิการบดี แต่ก็ยังมีการดำเนินการตรวจสอบต่อไปอย่างต่อเนื่อง เหมือนจะส่งสัญญาณอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นภายหลังจากการถอดถอนแล้ว ซึ่ง ผู้เขียนก็มองได้ประเด็นเดียว คือ การนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและสอบวินัยร้ายแรง เพื่อหวังผลให้ท่านอธิการบดี มีชนักติดหลังถ้าโชคร้ายอาจถึงขั้นไล่ออก หมดอนาคตในมหาวิทยาลัยกันเลยทีเดียว หรือ อาจจะติดโทษทางวินัยและไปต้องข้อบังคับลักษณะต้องห้ามผู้บริหาร จนไม่สามารถเป็นผู้บริหารในมหาวิทยาลัยได้ตลอดชีวิตราชการ 

 

แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนเชื่อมั่นว่า ประเด็นเรื่องที่ดิน 2 แปลง นั้น จบลงเป็นข้อยุติไปนานแล้ว คนกระทำผิดได้รับโทษเรียบร้อยแล้ว คดีเป็นที่สิ้นสุด ซึ่งหากยังไม่ยุติป่านนี้ ทาง ป.ป.ช.หรือไม่ ศาลฎีกา ก็คงมีการดำเนินการ จัดการไปนานแล้วไม่ปล่อยมาจนถึง ปี 2564  ซึ่งแน่นอนว่าคงจะไม่ใช่ประเด็นในการนำไปสู่การถอดถอนจริงๆ แต่จะเป็นประเด็นในการนำไปสู่แผนการหลังการถอดถอน ซึ่งเราจะได้เห็นถึงความกระตือรือร้นของสภามหาวิทยาลัยอีกครั้งในการหยิบยกประเด็นข้อร้องเรียนเรื่องที่ดิน 2 แปลง นี้มาเร่งรีบพิจารณา และมีมติตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและวินัยทันที เหมือนดังเช่นการเร่งรีบพิจารณาถอดถอนท่านอธิการบดี ทุกท่านโปรดติดตามท่าทีของสภาแห่งนี้ต่อไป

 

2. เรื่องระยะเวลากว่า 1 ปีกว่าจะได้รับพระราชทานโปรดเกล้า

          

ในช่วงเวลา ตั้งแต่ 20 ตุลาคม 2563 ถึง 14 กันยายน 2564 เป็นเวลาเกือบ 1 ปีเต็มที่ยังไม่มีการพระราชทานโปรดเกล้าแต่งตั้ง อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เรื่องนี้จริงๆ ไม่อยากพูดเยอะนะ เพราะหาหลักฐานยากพอสมควร ไม่ได้ไปอยู่ในส่วนของกฎหมาย และในสภาสูงกับเค้า รู้แค่เพียงว่ามีคนไปร้องเรียน ท่านอธิการบดี (อ.เอ้) เรื่อย ๆ เพื่อพยุงเวลาไม่ให้มีโอกาสได้เข้ารับตำแหน่ง และจะได้มีรักษาการอธิการบดียาวๆ ไป ผลประโยชน์อยู่ที่ใคร อย่างให้คิด... เสียใจ และผิดหวังว่าทำไมถึงไม่หยุด ไม่พอสักที วันนี้โลกเปลี่ยนไป ให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้หรือยัง เดี๋ยวจะไว้มาเล่ากระบวนการให้ฟัง (ฟังแล้วไปคิดกันต่อเองนะคะ หากเห็นต่าง มาแลกเปลี่ยนความคิดกัน)

อาจารย์ม.รามฯตั้งคำถามปลดอธิการ"สืบพงษ์"เพื่อผลประโยชน์ใคร

3. เรื่องข้อร้องเรียน ของนายฉัตรชัย ปางสนทิ ประเด็นเรื่อง "อธิการบดีสร้างความแตกแยกในมหาวิทยาลัย" 

        

เรื่องนี้เป็นตลกอีกเรื่อง คือ สภามหาวิทยาลัยนำเรื่องนี้มาชี้มูลว่ามีการร้องเรียนของ "นายฉัตรชัย ปางสนทิ" ตลกตรงที่ไม่เคยมีการตรวจสอบ ซึ่งได้นำหนังสือฉบับนี้มอบอำนาจให้คนไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สน.หัวหมาก ปรากฏว่า สน.หัวหมาก ก็บอกว่าไม่มีตัวตน หรือคนนี้เป็น "ผี" ที่ใครหนอสร้างขึ้นมา สภามหาวิทยาลัย ถือว่าเป็นสภาสูงสุดกลับไม่เคยมีการตรวจสอบด้วยซ้ำไป แอบเสียใจว่าสภาสูงขนาดนี้ ผิดพลาดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร? รีบไปใหน และด่วนสรุปได้ยังไง? 

อาจารย์ม.รามฯตั้งคำถามปลดอธิการ"สืบพงษ์"เพื่อผลประโยชน์ใคร

4. เรื่องสภามหาวิทยาลัย

    

เรื่องนี้เป็นประเด็นหลักที่นำไปสู่มติการถอดถอนท่านอธิการบดี อาจจะต้องขอเป็นรายละเอียดเชิงลึก เพื่อให้ทุกคนทราบถึงแผนการ และกระบวนการต่างๆ และเชื่อโดยสนิทใจว่าทุกๆท่าน จะมีวิจารณญาณ ในการวิเคราะห์ตัดสินใจด้วยตัวเองได้ (ขอมีโอกาสศึกษารายละเอียดแล้วจะมาเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ อีกครั้งนะ)

 

สิ่งที่เล่าให้ฟัง และบอกกล่าว ไม่ได้หวังการโจมตีให้เสื่อมเสีย แต่เป็นความจริงที่หลายคนจะต้องตระหนักและช่วยกันสอดส่อง เพื่อให้มหาวิทยาลัยที่เป็นที่รักของเราทุกคน จะต้องมีเกียรติ มีศักศรี และเป็นสถานที่เป็นจุดศูนย์กลางการเรียนรู้ พัฒนาสังคม ชุมชนและประเทศชาติ เป็นสำคัญ ตามปณิธานที่ ผศ.ดร.สืบพงษ์ ได้เคยกล่าวและคิดไว้ในใจเสมอมา

 

ชีวิตคนเราสั้น.... วัน-เวลาที่มีอยู่ จะต้องสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง สังคม และประเทศชาติ เพื่ออนาคตของคนรุ่นหลังต่อไป ไม่ใช้เห็นแก่ตัวเสพสุขเพื่อเราคนเดียว ทุกๆคนจะต้องจดจำในสิ่งที่เราทิ้งเอาไว้ และระลึกถึงเราตลอดไป วันนี้จะรอกาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ไม่ได้ ทำได้แค่ทำทุกวันให้ดีที่สุด ..... 

 

สิ่งที่เล่าให้ฟัง และบอกกล่าว ไม่ได้หวังการโจมตีให้เสื่อมเสีย แต่เป็นความจริงที่หลายคนจะต้องตระหนักและช่วยกันสอดส่อง เพื่อให้มหาวิทยาลัยที่เป็นที่รักของเราทุกคน จะต้องมีเกียรติ มีศักศรี และเป็นสถานที่เป็นจุดศูนย์กลางการเรียนรู้ พัฒนาสังคม ชุมชนและประเทศชาติ เป็นสำคัญ ตามปณิธานที่ ผศ.ดร.สืบพงษ์ ได้เคยกล่าวและคิดไว้ในใจเสมอมา


ชีวิตคนเราสั้น.... วัน-เวลาที่มีอยู่ จะต้องสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง สังคม และประเทศชาติ เพื่ออนาคตของคนรุ่นหลังต่อไป ไม่ใช้เห็นแก่ตัวเสพสุขเพื่อเราคนเดียว ทุกๆคนจะต้องจดจำในสิ่งที่เราทิ้งเอาไว้ และระลึกถึงเราตลอดไป วันนี้จะรอกาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ไม่ได้ ทำได้แค่ทำทุกวันให้ดีที่สุด

อาจารย์ม.รามฯตั้งคำถามปลดอธิการ"สืบพงษ์"เพื่อผลประโยชน์ใคร

logoline