ไทยศรีวิไลย์ เสนอตั้ง กมธ.ศึกษาซ่อง-โสเภณีถูกกฎหมาย โวสร้างรายได้แสนล้าน

     วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย น.ส.ภคอร จันทรคณา รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ร่วมกันแถลงการเสนอญัตติตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาเรื่องการจัดระเบียบ "ซ่อง" ให้ถูกกฎหมาย หวังนำธุรกิจสีเทามาดำเนินการให้ถูกกฎหมายและจัดเก็บภาษีเป็นรายได้แผ่นดิน แก้ปัญหาการส่งส่วย  คาดสร้างเม็ดเงินให้แผ่นดินปีละ 100,000-150,000 ล้านบาท 

     น.ส.ภคอร กล่าวนิยามคำว่า "ซ่อง" หมายถึง อาบอบนวด นวดแผนโบราณ นวดสปา เลาจน์ คาราโอเกะ และ "sex worker" ที่หมายถึง พนักกงานนวด เด็กดริ้งค์ โคโยตี้ ไซด์ไลน์ เด็กเอ็นเตอร์เทรน พร้อมอ้างอิงว่าในสายตานักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้น ประเทศไทยขึ้นชื่อสยามเมืองยิ้ม ขณะเดียวกันก็ได้ชื่อว่า "ซ่องโสเภณีแห่งเอเชีย" โดยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มาไทย 

     โดยรองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลน์ยังอ้างข้อมูลว่ามีทั้งผู้หญิง และกลุ่ม LGBT มาประกอบอาชีพจำนวนไม่น้อยกว่า 5 แสนคน และมีซ่องกว่า 10,000 แห่ง  แม้จะมี พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี 2539 และ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ปี 2557 ก็ไม่สามารถคุมการค้าประเวณีได้ ที่มีมาแต่โบราณ 

     ด้านนายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า แม้พรรคไทยศรีวิไลย์ ไม่เสนอญัตตินี้ ไทยก็มีซ่อง และอาบอบนวด ไซด์ไลน์ เยอะแยะไปหมด แม้จะมีกฎหมายปราบปรามแต่ก็ไม่สามารถควบคุมได้ อีกทั้งปัจจุบันประเทศไทยมีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย และต้องกู้ สร้างหนี้ครัวเรือน จึงเห็นว่าการเปิดกล้องให้ถูกกฎหมาย อาจจะไม่สามารถที่จะสร้างรายได้ให้กับประเทศเหมือนกับการเปิดกาสิโน แต่อย่างน้อยเชื่อว่าจะสร้างรายได้ให้ประเทศมากกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี 

     อีกทั้งปัจจุบันผู้ประกอบอาชีพขายบริการ ไม่สามารถฟ้องร้องได้ในกรณีที่ถูกข่มขืน เพราะไม่มีหลักประกันสิทธิขั้นพื้นฐานผู้ประกอบอาชีพดังกล่าว จึงเชื่อว่าหากทำให้อาชีพเหล่านี้เปิดบริการอย่างถูกกฎหมาย ขึ้นทะเบียนถูกต้องจะแก้ไขปัญหาได้หลายอย่าง 
 

     นายมงคลกิตติ์ ระบุว่า การเสนอญัตตินี้มี ส.ส.เข้าชื่อ 20 คนมีทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้าน - รัฐบาล และบรรจุอยู่ในระเบียบวาระแล้ว คาดว่ามีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายคนต้องการเข้ามาร่วมเป็นกรรมาธิการ แต่กระบวนการพิจารณาคาดว่าไม่น่าจะผ่านได้โดยง่ายในการพิจารณาของวุฒิสภา