ศบค. เผย ไวรัส "โอมิครอน" ลามแล้ว 70 ประเทศ ทั่วโลก ส่วนในไทย พบ 11 ราย

15 ธันวาคม 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 หรือศบค. แพทย์หญิงสุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข  รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด-19 ประจำวันที่ 15 ธันวาคม ว่า ในวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้เข้ารับรางวัลจากสหประชาชาติ จากผลงานการสกัดกั้น โควิด-19

โดยในปี 2564 สหประชาชาติ ได้มีการคัดเลือกผลงานจาก 5 ภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ แอฟริกา เอเชีย-แปซิฟิก ลาตินอเมริกา แคริบเบี้ยน และยุโรป ซึ่งไทยได้รับรางวัลชนะเลิศ ในสาขา "การดำเนินงานของ องค์กร ในการเตรียมพร้อมและตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน" อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับของนานาชาติทั่วโลก ซึ่งสหประชาชาติได้ชื่นชมและให้กระทรวงสาธารณสุขของเรา เป็นต้นแบบในการดำเนินงานให้กับประเทศต่างๆ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งการที่เราจะประสบความสำเร็จ และจัดการการระบาดได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนและหน่วยงานทุกภาคส่วน

ทั้งนี้สถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ทั่วโลก ข้อมูลวันที่ 13 ธันวาคม กระจายไปมากกว่า 70 ประเทศ และมีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วใน 3 ประเทศหลัก ได้แก่ สหราชอาณาจักร เดนมาร์กและนอร์เวย์ และเมื่อวาน (14 ธ.ค.) ได้มีรายงานผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนรายแรกในประเทศจีน โดยเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ สำหรับสหรัฐอเมริกาได้มีการกระจายไปแล้ว กว่า 35 รัฐ โดยได้มีมาตรการจำกัดการเดินทาง ของผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจาก 8 ประเทศกลุ่มเสี่ยง ที่มาจากทวีปแอฟริกา สำหรับประเทศที่มีการจำกัดการเดินทางจากแอฟริกาได้แก่ อิสราเอล โมร็อกโก ส่วนประเทศญี่ปุ่น ยังไม่ได้รับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าในประเทศ

สำหรับผลการดำเนินงานในการรับนักท่องเที่ยวเข้าในประเทศไทย ในช่วงเดือนพฤศจิกายน มีนักท่องเที่ยวเข้ามาทั้งหมดกว่า 133,061 คน ในขณะที่เดือนธันวาคมวันที่ 1- 14 ธันวาคม นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยรวม 103,263 คน กว่า 80%ส่วนใหญ่ จะเป็นการเข้ามาในลักษณะ Test&Go อย่างไรก็ตามสำหรับ 5 อันดับแรก ของประเทศที่เข้ามาในประเทศไทยในช่วง 2 สัปดาห์ของเดือนธันวาคม ได้แก่ เยอรมนี 8,739 ราย สหราชอาณาจักร 6,818 ราย รัสเซีย 4,549 ราย ยูเออี 3,966 ราย และสหรัฐอเมริกา 3,705 ราย

ทั้งนี้หากเทียบการเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงเดือนพฤศจิกายน พบว่าอันดับหนึ่งจะเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้นนักท่องเที่ยวลดลง จึงน่าจะเป็นสาเหตุมาจาก การแพร่ระบาดในประเทศต้นทาง ขณะที่การติดเชื้อ โควิด-19 หากเปรียบเทียบระหว่างเดือนพฤศจิกายน และเดือนธันวาคม พบว่าอัตราการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อยทั้ง 3 กลุ่ม พบว่า Test&Go จาก 0.08% เพิ่มขึ้นเป็น 0.12% แซนด์บ็อกซ์ จาก 0.21%เพิ่มขึ้นเป็น 0.23% และระบบกักตัว จาก 0.81% เพิ่มขึ้นเป็น 2.16% โดยวันที่ 14 ธันวาคม ที่ผ่านมามีผู้เดินทางเข้าประเทศทั้งหมด 7,858 ราย มีผู้ติดเชื้อ 18 รายคิดเป็น 0.18% ซึ่งถือว่าอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก

ขณะที่ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ในประเทศไทยจากการรายงานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีรายงานเข้ามาทั้งหมด 11 ราย โดย 3 ใน 11 รายอยู่ในระหว่างรอการยืนยัน จากการตรวจถอดรหัสพันธุกรรม ขณะนี้สามารถติดตามผล 3 คน จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และกระทรวงสาธารณสุขได้ต่อไป ทั้งนี้สถานการณ์สายพันธุ์ โควิด-19 ในประเทศไทย ขณะนี้ 99.58% ยังคงเป็นสายพันธุ์เดลตา โอมิครอน คิดเป็น 0.23% อัลฟา คิดเป็น 0.17% ดังนั้นไม่ว่าโควิด-19 จะเป็นสายพันธุ์ใดสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ด้วยมาตรการส่วนบุคคล