นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยสถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 15 แห่ง ได้ สำรวจภูมิคุ้มกัน ต่อ โควิด-19 ในประชากรไทย ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และไม่มีประวัติเจ็บป่วยด้วยโรคโควิด 19 จำนวน 26,717 คน อายุตั้งแต่ 18 – 60 ปี เป็นเพศชายร้อยละ 48 เพศหญิง ร้อยละ 52 จาก 12 เขตสุขภาพ รวมกว่า 30 จังหวัด ยกเว้นเขตสุขภาพที่ 13 กรุงเทพมหานคร เนื่องจากมีการฉีดวัคซีนแล้ว เกินร้อยละ 100
การสำรวจในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 ด้วยการเจาะเลือด เพื่อตรวจหาแอนติบอดีหรือภูมิคุ้มกัน ด้วยเครื่องมือทางห้องปฏิบัติการ เพื่อให้เกิดความแม่นยำ
ผลการสำรวจแยกตามจำนวนตัวอย่างที่สุ่มเก็บจากจังหวัดใน 12 เขตสุขภาพ พบผู้ที่มีแอนติบอดีคิดเป็นร้อยละ ดังนี้..
ผลจากการสำรวจแอนติบอดีในภาพรวมของ 12 เขตสุขภาพพบร้อยละ 1.4 จากการติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว ขณะที่ข้อมูลการติดเชื้อที่ตรวจพบในระบบด้วยการตรวจ RT-PCR ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2563 – 26 ตุลาคม 2564 มีการติดเชื้อ 1,884,802 คน จากประชากรในประเทศ 72,034,815 คน คิดเป็นอัตราการติดเชื้อร้อยละ 2.6 และมีจำนวนผู้ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วร้อยละ 54.7
นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวต่ออีกว่า ภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19 จะเกิดขึ้นได้ด้วยการฉีดวัคซีน หรือเกิดจากการติดเชื้อเองโดยธรรมชาติ ขณะนี้ภาพรวมภูมิคุ้มกันทั้งประเทศจากการฉีดวัคซีนและติดเชื้อจนเกิดภูมิแล้วมีประมาณร้อยละ 58.7 ดังนั้นยังมีประชาชนอีกประมาณร้อยละ 41.3 ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน จึงมีโอกาสที่จะติดเชื้อ และเกิดอาการรุนแรงที่อาจทำให้เสียชีวิตได้
สำหรับ พื้นที่ที่มีจำนวนประชาชนที่มีภูมิคุ้มกันยังไม่มาก จะต้องเร่งสร้างให้เกิดภูมิคุ้มกันให้ได้มากๆ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดคือ ต้องไปฉีดวัคซีนให้เยอะขึ้น ดังนั้นจึงขอให้พี่น้องประชาชนมาฉีดวัคซีน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย