svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ฮือฮา ! ตำรวจล่าคืนวัดจังหวัดนครสวรรค์ 63 ล้านบาท

23 พฤศจิกายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เพจ “Nakhonsawan news” โพสต์ข่าวกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 6 “ร่วมกันถวายเงินคืนแด่พระราชมงคลวัชราจารย์ (พัฒน์ ปุญญกาโม) จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 63 ล้านบาท

เพจ “Nakhonsawan news”  โพสต์การแถลงข่าว #ร่วมกันถวายเงินคืนแด่หลวงพ่อพัฒน์ จำนวน 63,034,470 #หกสิบสามล้านสามหมื่นสี่พันสี่ร้อยเจ็ดสิบบาท ตำรวจสอบสวนกลาง โดย #กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 6 “ร่วมกันถวายเงินคืนแด่พระราชมงคลวัชราจารย์ (พัฒน์ ปุญญกาโม)  จำนวน 63,034,470 บาท”

 

จากกรณีได้มีหนังสือร้องเรียนขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของกลุ่มไวยาวัจกรของวัดห้วยด้วน (ธารทหาร) อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ และคนใกล้ชิดพระราชมงคลวัชราจารย์ หรือ หลวงพ่อพัฒน์ ปญฺญกาโม เจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน

 

ฮือฮา ! ตำรวจล่าคืนวัดจังหวัดนครสวรรค์  63 ล้านบาท

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 ได้มีกลุ่มลูกศิษย์ของหลวงพ่อพัฒน์ฯ เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ว่ากลุ่มไวยาวัจกรของวัดห้วยด้วน และ คนใกล้ชิดซึ่งมีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัดและมีฐานะเป็นเจ้าพนักงาน ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505

 

มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าทุจริตยักยอกเงินของวัดห้วยด้วน และมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการกิจนิมนต์และการดูแลสุขภาพของหลวงพ่อพัฒน์ฯ ซึ่งมีอายุมากกว่า 100  ปี พร้อมขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินผู้ใกล้ชิดของหลวงพ่อพัฒน์ฯ

ได้มีการลงพื้นที่ทำการสืบสวนสอบสวน พบว่าหลวงพ่อพัฒน์ฯ เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีความเมตตาสูง จนทำให้มีประชนชนและลูกศิษย์ เลื่อมใส ศรัทธา เคารพนับถือจำนวนมาก จึงทำให้มีผู้มาขอให้หลวงพ่อพัฒน์ฯ ปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ และถวายเงินแด่หลวงพ่อพัฒน์ฯ

 

เป็นเงินปีละกว่าร้อยล้านบาท หลวงพ่อจะนำเงินที่ได้รับถวายใช้ในการทำนุบำรุงศาสนาและให้หน่วยงานที่เข้ามาขอความช่วยเหลือ เพื่อสาธารณประโยชน์ เช่น วัด โรงพยาบาล และโรงเรียนต่างๆ จำนวนมาก โดยไม่ได้นำเงินไปใช้ในทางส่วนตัว

 

ฮือฮา ! ตำรวจล่าคืนวัดจังหวัดนครสวรรค์  63 ล้านบาท

 

ได้ตรวจสอบกลุ่มไวยาวัจกรและคนใกล้ชิดหลวงพ่อพัฒน์ฯ คือ นายเสนาะฯ, นางชัญญาฯ และนางบุญเชิดฯ ทั้ง 3 ราย ประกอบอาชีพเกษตรกร ไม่ได้ประกอบอาชีพที่มีรายได้สูง

 

พบว่ามีการนำเงินไปเข้าบัญชีในชื่อตนเอง จำนวน ๗ บัญชี รวมเป็นเงิน ๖๓,๐๓๔,๔๗๐ บาท เชื่อว่าเป็นเงินของหลวงพ่อพัฒน์ฯ จึงได้อายัติเงินในบัญชีดังกล่าวไว้ และเข้าตรวจสอบภายในวัดห้วยด้วน พร้อมได้ตรวจยึดเอกสารและหลักฐานต่างๆ นำมาตรวจสอบ

สอบถามหลวงพ่อพัฒน์ฯ ได้ความว่าเงินที่ได้รับการถวาย หลวงพ่อพัฒน์ฯ จะให้กลุ่มไวยาวัจกรและคนใกล้ชิดนำเงินไปฝากในบัญชีส่วนตัวเพื่อสะดวกในการเบิกเงินมาใช้ในการสร้างเจดีย์กลางน้ำและสาธารณประโยชน์ ซึ่งจำได้ว่ามอบเงินให้ไปฝากประมาณ 28 ล้านบาท เท่านั้น

 

และเมื่อถึงกำหนดการจ่ายค่างวดก่อสร้างเจดีย์กลางน้ำ หลวงพ่อพัฒน์ฯ ได้ให้นายเสนาะฯ ไปถอนเงิน จำนวน 15 ล้านบาท เพื่อมาจ่ายให้กับผู้รับเหมา แต่นายเสนาะฯ  ไม่ยอมถอนเงินมาให้ทำให้หลวงพ่อพัฒน์ฯ ต้องหาเงินจากส่วนอื่นมาจ่ายค่าก่อสร้างเจดีย์กลางน้ำแทน

 

จากการสืบสวนเบื้องต้นไวยาวัจกรทั้ง 3 ราย รับว่าเงินจำนวน 63 ล้านบาท เป็นเงินของหลวงพ่อพัฒน์ฯ และยินยอมทำบันทึกสมัครใจถอนเงินจำนวนดังกล่าวมาถวายคืนแด่หลวงพ่อพัฒน์ฯ ส่วนเงินในบัญชีธนาคารของนายเสนาะฯ จำนวน 1 บัญชี เป็นเงิน 7.9 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ได้อายัติไว้เพื่อตรวจสอบต่อไป

 

ฮือฮา ! ตำรวจล่าคืนวัดจังหวัดนครสวรรค์  63 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ การกระทำของไวยาวัจกรวัดห้วยด้วน (ธารทหาร) ทั้ง 3 ราย ที่เป็นเจ้าพนักงาน ตามมาตรา 45 แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซึ่งพนักงานสอบสวนของ บก.ปปป. ได้แสวงหาข้อเท็จจริง รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้นไว้แล้วนั้น พนักงานสอบสวน บก.ปปป. ต้องส่งสำนวนการสอบสวนดังกล่าวให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาภายใน 30 วัน

 

นับแต่วันที่ได้รับการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ เพื่อไต่สวนและวินิจฉัยว่ามีการกระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือไม่ ตามมาตรา 61 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561

 

ขอบคุณภาพข้อมูล  “Nakhonsawan news”

 

 

logoline