ไทยสร้างสรรค์ พรรคสำรอง"ลุงตู่"ตีจากพปชร.

2 เดือน กับอีก 8 วัน ที่มีกระบวนการจัดการพรรคพลังประชารัฐจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนหลังจากที่ศึกซักฟอกที่ 4 ก.ย. และมีการปลด 2 รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ก.ย. หลังจากนั้นคิดว่าน่าจะเป็นเชิงรุกที่จะเข้ามาในพลังประชารัฐ แต่ถึงวันนี้ 2 เดือนแล้วยังไม่สำเร็จ

 

กระบวนการจัดการในพรรคพลังประชารัฐที่เป็นพรรคอันดับหนึ่ง และสนับสนุนนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นเป็นผู้นำในการบริหารประเทศ ปัญหาเหล่านี้สะท้อนกลับมาที่เสถียรภาพของรัฐบาล และล่าสุดการปรากฏกายของพรรคการเมืองหนึ่ง ก่อให้เกิดคำถามว่าตกลงพรรคไทยสร้างสรรค์ คือพรรคของใคร

 

การปรากฏกายของพรรคไทยสร้างสรรค์ ที่มีการจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองใหม่ เป็นพรรคที่เขาว่ากันว่าแนบแน่นกับพรรคพลังประชารัฐ ปรากฏการณ์ในระยะที่ผ่านมาเราเห็นข่าวสามเรื่องในระยะหนึ่งเดือน นั่นคือการพยายามที่จะเข้าไปสู่พรรคพลังประชารัฐ คนแรกคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เข้าไปในฐานะที่ปรึกษาก็ทำอะไรได้ไม่เยอะ การบริหารจัดการยังไม่มี ยังอยู่ที่ทีมเดิม ล่าสุดมีข่าวออกมานั่นคือบิ๊กฉิ่ง ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และบิ๊กแป๊ะ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมถึงบิ๊กแดง พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ 

 

ต้องบอกว่าลึกลับจากป่ารอยต่อตอนนี้ ฝั่งที่ดูแลพรรคอยู่ตอนนี้ตั้งการ์ดสูงไม่ให้เข้า เพื่อบริหารจัดการร่วมกัน และนั่นคือสัญญาณที่ส่งออกมาว่ามีการปรากฏกายของสองพรรคการเมืองในขณะนี้

ไทยสร้างสรรค์ จึงถูกตั้งคำถามว่าตกลงเป็นพรรคสำรองของใคร ใช่การปรากฏกายพรรคสำรองไว้เผื่อเข้าพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ใช่หรือไม่ ดังนั้นพรรคไทยสร้างสรรค์ขอให้จับตาดู ถ้าแผนของลุงตู่ไม่สามารถเข้าพรรคพลังประชารัฐได้ให้จับตาการขยับปรับเปลี่ยนกรรมการในพรรคไทยสร้างสรรค์ อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เตรียมพร้อมต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า

 

เขาว่าไทยสร้างสรรค์เกี่ยวพันกับบิ๊กแป๊ะและบิ๊กฉิ่ง ทางเนชั่นอินไซต์พยายามสอบถามข้อมูลเรื่องนี้ แต่ยังไม่ได้ข้อมูล แม้ว่าบิ๊กแป๊ะจะพ้นตำแหน่งผบ.ตร.และพ้นตำแหน่งส.ว.มาแล้ว แต่การเข้ามาสู่เกมทางการเมืองในสนามใหญ่ ไม่ใช่เรื่องง่าย มือกฎหมายอันดับหนึ่งของรัฐบาล คุณวิษณุ เครืองาม บอกว่า

ทำไมนักข่าวถึงถามเรื่องนี้ เพราะระยะหลังบิ๊กแป๊ะ ประกาศพอแล้วสนามกทม. การเยื้องกายของบิ๊กแป๊ะ เดินไปคู่ขนานกับลุงป้อม การปรากฏกายเช่นนี้ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า อดีตผบ.ตร.และอดีตส.ว. ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองได้หรือไม่

 

ปรากฏการณ์ของบิ๊กแป๊ะ ปรากฏการณ์ปรับกระบวนทัศน์ในพรรคพลังประชารัฐ เพื่อขยับป้องกันปัญหาเรื่องกระบวนการทำงานที่เกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับเลขาพรรค เรื่องการตั้งรองหัวหน้าพรรค วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ลงรายละเอียด ยังไม่สรุปว่าใครดูแลภาคไหน เพียงแต่มีการคาดเดาวางพื้นฐานกันว่าใครจะดูตรงไหน ตัวแทนต่างๆ ร่างทรงของพลังประชารัฐที่จะอยู่ตามภาคต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งมีใครบ้าง

 

ปัญหาว่าด้วยเรื่องของพลังประชารัฐ ล่าสุดคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีสุโขทัย

บทบาทเหล่านี้คือการวางเกมไว้ แต่การวางเกมเพื่อเดินไปสู่หมากตรงนั้นในการปรับเปลี่ยนพรรคพลังประชารัฐจะเป็นจริงหรือไม่ หรือจะมีการเคลื่อนย้ายไปสู่พรรคร่างทรง

 

การยกทัพครม.ไปประชุมสัญจรที่จ.กระบี่ นับเป็นครั้งแรกในรอบปีที่มีการนำคณะรัฐมนตรีไปประชุมนอกสถานที่ที่ภาคใต้ การที่ไม่ได้จัดครม.สัญจรมาเป็นปีๆ และอยู่มาวันหนึ่งตัดสินใจจัดประชุมครม.สัญจร ในเชิงยุทธศาสตร์คิดได้ 2 วิธี คือดูจากสภาพธุรกิจ เศรษฐกิจหรือว่าโครงการ อันที่ 2 อาจจะเกี่ยวข้องกับฐานในการเมือง

 

ว่ากันว่าพื้นที่ภาคใต้ในสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นฐานที่มั่นที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างหนาแน่น ที่ผ่านมาโพลล์สำรวจคะแนนนิยมนายกตกต่ำมาก แต่ภาคใต้ตกต่ำน้อยกว่าที่อื่น นายกรัฐมนตรีจึงลั่นวาจาว่า “คนใต้ หร่อยจังฮู้”

 

ปรากฏการณ์ยกครม.ไปประชุมที่กระบี่ มิได้เป็นเพียงการไปประชุมบริหารราชการแผ่นดิน แต่หมายถึงบทบาทในบริบททางการเมืองพ่วงตามเข้าไปด้วย เพราะในภาคใต้มีส.ส.อยู่ 50 คน

แสดงว่าพื้นที่ภาคใต้ พปชร.ตีแตก และนำโดยนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 14 คนของพรรคพลังประชารัฐนั้นโนเนมแทบทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นอดีตส.ส.เก่า แต่ปรากฏกายขึ้นมาเป็นส.ส.ทำหน้าที่ และในบริบททางเศรษฐกิจก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง

การลงพื้นที่ของรัฐบาลในภาคใต้เพราะ มิติทางเศรษฐกิจ มิติทางการเมือง จึงสอดรับสัมพันธ์กันโดยไม่ต้องอธิบายมากความ ว่าทำไมครม. จึงยกทัพไปกระบี่

แต่ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่เสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม. นายกได้สั่งการให้แต่ละเรื่องให้กระทรวงต่างๆ เดินหน้าในเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ และยังมีมหกรรมโชว์เสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม.สัญจร และนายกรัฐมนตรีก็มีข้อสั่งการไปเรียบร้อย

ล่าสุด ครม.มีมติ 7 โครงการไฟเขียว ที่เป็นโครงการเร่งด่วนประยุทธ์

นี่คือโครงการเร่งด่วน 7 โครงการ ที่เร่งดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรม การลงภาคใต้ในแต่ระลอกนี้ของนายกรัฐมนตรี มีสัญญาณบางประการที่กำลังส่งผ่านไปให้เห็นว่า “รักคนใต้ จังฮู้”

 

รอบนี้การยกทัพประชุมครม.ที่จ.กระบี่ จึงมีสัญญาณทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่ไปปักหมุดให้เห็นว่าบ้านเมืองเปิด และเรื่องการเมืองที่ไปปักหมุดว่านายกลุงตู่ยังอยู่กับคนใต้ เพราะฉะนั้นจับตาต่อไปหลังจากนี้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์หรือพรรคพลังประชารัฐ เดินเกมรุกฐานที่มั่นภาคใต้อย่างไร

 

ที่มา เนชั่นอินไซต์ บากบั่น บุญเลิศ และ วีระศักดิ์ พงษ์อักษร