“ส.ส.อัครเดช” ท้ากระทรวงการคลัง ยกเลิกสิทธิพิเศษธนาคารกรุงไทย

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงกรณีปัญหาการให้บริการของธนาคารกรุงไทยที่เกิดความล่าช้าในการทำธุรกรรมทางการเงิน ว่า ที่ผ่านมาธนาคารกรุงไทยได้ให้บริการในการทำธุรกรรมการโอนเงินงบประมาณจากโครงการต่างๆของรัฐบาล แต่ปัจจุบันธนาคารกรุงไทยได้มีนโยบายยุบสาขา จึงทำให้เกิดปัญหาการบริการที่เกิดความล่าช้า และมีประชาชนร้องเรียนว่าต้องใช้เวลาในการรับบริการที่ยาวนาน และมีสภาพแอดอัดเกิดความสุ่มเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อเวลาในการประกอบอาชีพและกระทบต่อคุณภาพชีวิต และที่ผ่านมาตนในฐานะประธานอนุกรรมาธิการรัฐวิสาหกิจได้เคยเชิญหน่วยงานของธนาคารกรุงไทยมาหารือเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น และกลับเดินหน้าลดสาขาลงอย่างต่อเรื่อง สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน อีกทั้งปัจจุบันกระทรวงการคลังได้ขายหุ้นบางส่วนออกไปให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ทำให้ธนาคารกรุงไทยไม่ได้อยู่ในสถานะรัฐวิสาหกิจตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ แต่เป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐบาล และในปัจจุบันธนาคารกรุงไทยยังได้รับสิทธิพิเศษจากรัฐบาลเหนือกว่าธนาคารอื่นๆ ผ่านการใช้บริการของหน่วยงานราชการ แต่กลับยังใช้นโยบายลดสาขา ลดต้นทุน ตนคิดว่ารัฐบาลดำเนินนโยบายแบบนี้ไม่ถูกต้อง จึงขอถามว่ากระทรวงการคลังมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาของธนาคารกรุงไทย หรือไม่ อย่างไร 

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งได้รับมอบหมายให้ตอบกระทู้แทน ชี้แจงว่า การที่ธนาคารกรุงไทยจะทำการลดสาขาลงในพื้นที่ใด ธนาคารจะต้องออกไปสำรวจปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ โดยเฉพาะเรื่องของจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการและพื้นที่ทับซ้อนของสาขา และก่อนจะปิดสาขาก็จะมีการแจ้งต่อประชาขนผู้ใช้บริการไม่ต่ำกว่า 30 วัน และจะมีรถให้บริการเคลื่อนที่มาให้บริการในระหว่างนั้นด้วย ทั้งนี้ยืนยันว่าธนาคารกรุงไทยไม่มีนโยบายที่จะปิดสาขา ยกเว้นสาขาที่มีประชาชนใช้บริการจำนวนน้อย นอกจากนี้เมื่อมีการปิดสาขาทางธนาคารก็ได้มีการติดตั้งเครื่องบริการอัตโนมัติเพิ่มเติมอีกด้วย  

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า กระทู้ถามนั้นเป็นกลไกหนึ่งของรัฐสภาที่จะแก้ไขปัญหา ตนจึงอยากให้กระทู้ถามเป็นกลไกที่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้จริง แต่ที่รัฐมนตรีได้ตอบมานั้น ข้อมูลที่ได้มาธนาคารกรุงไทยคงให้มาไม่ครบถ้วน เพราะสิ่งที่ธนาคารกรุงไทยทำอยู่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้จริง เพราะหากไปดูธนาคารกรุงไทยทุกสาขาในขณะนี้มีผู้ใช้บริการจำนวนมากล้นสาขา และหากมีการสำรวจข้อมูลก่อนปิดสาขาจริง สาขาบิ๊กซี บ้านโป่ง จะต้องไม่โดนปิด เนื่องจากมีประชาชนเข้าใช้บริการจำนวนมาก 

“ถ้าแน่จริงผมอยากให้กระทรวงการคลัง ยกเลิกสิทธิพิเศษของธนาคารกรุงไทยที่จะต้องให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจต่างๆมาใช้บริการผ่านธนาคารกรุงไทย แล้วให้ธนาคารกรุงไทยแข่งกับธนาคารพาณิชย์ให้เท่ากัน ถ้าธนาคารกรุงไทยให้บริการดีอย่างที่ท่านรัฐมนตรีบอกมาเดี่ยวคนเขาก็จะแห่ไปใช้ธนาคารกรุงไทย แต่ถ้าไม่ดีจะไปใช้ธนาคารอื่นได้” นายอัครเดช กล่าว