ส่องวิวาทะเด็ด 5 ผู้นำของโลก บนเวที COP26
ผ่านมาแล้ว 3 วัน สำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ COP26 ชวนส่องวิวาทะเด็ด 5 ผู้นำระดับโลก พูดถึงวาระสำคัญเกี่ยวกับมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์ ซึ่งถูกจัดขึ้นที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์
ปัญหาโลกร้อน สภาพอากาศที่สุดขั้ว เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก โดยอุณหภูมิของโลกสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์หลังยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม
ในปี 2015 ประเทศต่างๆ ได้ตกลงกันว่าต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงที่จะจำกัดไม่ให้อุณหภูมิโลกเพิ่มมากกว่า 2 องศาเซลเซียส จากช่วงก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อที่จะพยายามไม่ให้อุณหภูมิของโลกเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะทางสภาพภูมิอากาศ ข้อตกลงในครั้งนั้นเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "ข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" หรือ (Paris Agreement)
การประชุม COP26 จะจัดขึ้นที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสก็อตแลนด์ ทุกประเทศภายใต้ UNFCC จะเข้าร่วมการเจรจาและให้คำมั่นต่อเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งแน่นอนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็จะเข้าร่วมประชุมและแถลงเป้าหมาย Net Zero ที่เพิ่งหยิบยกขึ้นมาเมื่อเร็วๆ นี้
ส่องวิสัยทัศน์ผู้นำโลก บนเวที COP26
ในงานประชุม COP26 เจ้าฟ้าชายชาร์ลส มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ เสด็จพระราชดำเนินเปิดงาน และทรงมีพระราชดำรัสว่า
"ข้าพเจ้าทำได้เพียงเรียกร้องพวกท่านในฐานะผู้กำหนดนโยบายโลก ให้หาวิธีเอาชนะความแตกต่าง ให้เราทั้งหมดทำงานร่วมกันได้ เพื่อกอบกู้โลกอันล้ำค่าใบนี้"
สำหรับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐ ในวันที่ 2 ของการประชุมที่จัดขึ้นโดยองค์การสหประชาชาตินี้ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ระบุว่า สิ่งที่สหรัฐฯ มุ่งหวังจะทำตั้งแต่บัดนี้จนถึงปี ค.ศ. 2030 ซึ่งจะมีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อความสำเร็จของคำมั่นต่อแผนระยะยาวเพื่อจะบรรลุเป้าหมายลดอุณหภูมิโลกลง 1.5 องศาเซลเซียสให้ได้ ก็คือ
"ขอเป็นตัวอย่างทั่วโลก ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่าสหรัฐ กลับมาแล้ว"
ด้านนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ยกตัวอย่างว่า หากอุณหภูมิเพิ่ม 2 องศาเซลเซียส จะเป็นภัยต่อแหล่งอาหารของเรา หากเพิ่ม 3 องศาเซลเซียส จะนำมาซึ่งภัยธรรมชาติมากขึ้น และหากเพิ่มขึ้น 4 องศาเซลเซียส ให้บอกลาทั้งเมืองได้เลย พร้อมระบุว่า
"หากเราไม่จริงจังต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในวันนี้ จะสายไปสำหรับลูกหลานของเราที่จะเริ่มจริงจังในภายภาคหน้า"
ด้านผู้น้ำประเทศอินเดีย ประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนมากเป็นอันดับ 3 ของโลก นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ก็ได้ให้สัญญาว่า จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ให้ได้ภายในปี 2613
"ผมมั่นใจว่าการตัดสินใจที่กลาสโกว์จะปกป้องอนาคตของคนรุ่นหน้า และมอบชีวิตที่ปลอดภัยและรุ่งเรืองให้กับพวกเขา"
ส่วนประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไทยยืนยันจะให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศเพื่อบรรลุเป้าหมายสำคัญของโลกเพื่ออนาคตของลูกหลาน
"เราจะไม่มีโลกที่สอง ที่เป็นบ้านของพวกเราเหมือนโลกนี้อีกแล้ว จึงขอให้ทุกประเทศร่วมกันดูแลรักษาโลกของเรา"
