ผู้ส่งออกแนะรัฐกดดีเซลต่ำกว่า 30 บาท/ลิตร
สรท.ห่วงต้นทุนสินค้าพุ่งจากค่าระวางเรือและส่งออก ขอรัฐเร่งช่วยน้ำมันแพง มองดีเซลควรช่วยลดให้ต่ำกว่า 30 บาท/ลิตร เตรียมร้อง WTO ค่าระวางขึ้นผิดปกติ 5-10 เท่า
ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ชัยชาญ เจริญสุข ระบุ มีแนวโน้มที่ราคาสินค้าส่งออกในปีหน้าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกกลุ่ม ซึ่งเป็นผลกระทบจากต้นทุนพลังงานและค่าระวางเรือที่สูงขึ้น โดยขณะนี้ผู้ส่งออกยังใช้สต๊อกวัตถุดิบเก่าทำให้ยังแบกรับต้นทุนต่อไปได้ แต่ในปีหน้าจะเป็นความท้าทายในเรื่องของต้นทุนวัตถุดิบท่ีปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและส่งผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศ ผู้ส่งออกต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นจะกระทบเป็นวงกว้าง ซึ่งการที่กลุ่มรถบรรทุกจะหยุดวิ่ง 20% นั้นคาดว่าจะกระทบต่อผู้ส่งออกบางส่วน และในข้อเสนอของการแถลงข่าวสรท.ครั้งนี้ มองว่ารัฐบาลควรตรึงราคาดีเซลต่ำกว่า 30 บาท/ลิตร เพราะผู้ประกอบการยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดอยู่
ส่วนค่าระวางเรือ (ค่าเฟด) ที่ปรับตัวสูงขึ้น 5-10 เท่า และมีแนวโน้มปรับขึ้นไปถึงกลางปีหน้า เร็วๆนี้สรท.จะเข้าร่วมประชุมกับองค์การการค้าโลก (WTO) ขอให้แก้ไขปัญหาการปรับขึ้นค่าระวางเรือที่ผิดปกติ ซึ่งสรท.ไม่ได้มองว่าจะต้องปรับลดลงมาเท่าไหร่ แต่อยากให้การปรับขึ้นมีเหตุผลที่ชัดเจน ไม่ใช่การปรับขึ้นเพราะการผูกขาดของสายการเดินเรือ 8 แห่งของโลกที่ผูกขาดเส้นทางเรือ 80%
“เรื่องต้นทุนผลิตสินค้าถูกคงไม่มี ต้นทุนปรับตัวสูงงขึ้นแน่ เหล็ก กระดาษ เม็ดพลาสติกขึ้นหมด ตรงนี้เป็นสิ่งน่าเป็นห่วงทุกสินค้าขึ้นหมด เพราะวัตถุดิบพื้นฐานขึ้นหมด ทำไมราคายังไม่ปรับผู้ประกอบการมีสต๊อกซื้อไว้แล้วยังไม่ผลิต ก็เลยมีสัดส่วนต้นทุนเดิมอยู่ แต่ปีหน้าเป็นความท้าทายอย่างมาก ซึ่งต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะกระทบต่อกลุ่มส่งออกเกษตรและอาหารหนักสุด ถ้าภาครัฐล่าช้ากลุ่มเกษตรและอาหารแย่แน่ ส่วนยานยนต์ ซี่งเป็นกลุ่มมีมูลค่าสูงหาทางปรับตัวได้”
ด้านการส่งออกในปี 2565 สรท.กำหนดเป้าหมายเติบโตไว้ที่ 5% ต่ำกว่าปี 2564 ที่การส่งออกเติบโต 12% เนื่องจากฐานส่งออกปี 2563 ต่ำ ซึ่งอัตราเติบโตของการส่งออกในปีหน้าที่ 5% ภายใต้สมมุติฐานคือค่าเงินบาท 33 บาท/ดอลลาร์ ราคาน้ำมันดิบไม่ควรเกิน 85 ดอลลาร์/บาร์เรล
