เลขาฯ สมช. กร้าวไม่มีอะลุ่มอล่วย ร้านค้า-ขาดื่ม ลากยาวเกิน 3 ทุ่ม
เลขาฯ สมช. ลั่นไม่มีอะลุ่มอล่วย ร้านค้า-ขาดื่ม ลากยาวเกิน 3 ทุ่ม ขอรอประเมิน 15 วัน คลายล็อกเพิ่มหากสถานการณ์ดีขึ้น สั่งทีมลงร้านอาหารหวังเพิ่มขีดมาตรฐาน SHA ให้มากที่สุด
วันนี้ (2 พ.ย.) พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ผอ. ศปก.ศบค. กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับผู้ประกอบการและสื่อมวลชนที่เกี่ยวข้องกับการเปิดประเทศ ว่า วันนี้ถือเป็นการหารือที่เกิดประโยชน์ เนื่องจากได้รับข้อมูล เกี่ยวกับเรื่องการเปิดประเทศ ที่ได้มีการประกาศไปตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ต.ค. ซึ่งทำให้ได้รับทราบถึงปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้น
สำหรับปัญหาที่พบภายหลังการเปิดประเทศวานนี้ มีเพียงเล็กน้อยในเรื่องของขั้นตอน กระบวนการของนักท่องเที่ยวที่เข้ามา ซึ่งขณะนี้ได้มีการสั่งการเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวแล้ว
ขณะที่การผ่อนคลายมาตรการร้านอาหารที่ผู้ประกอบการต้องการตามมาตรฐาน SHA ที่ทางผู้ประกอบการ กรุงเทพฯ และสาธารณสุขจังหวัดกำหนดนั้น พล.อ.สุพจน์ ระบุว่า ได้มีการจัดทีมเชิงรุกเข้าไปทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการและร้านอาหาร เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสาธารณสุข และในส่วนที่ยังไม่มีมาตรฐาน SHA จะต้องมีการสร้างมาตรการให้เป็น SHA+ โดยทุกคนจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุดเท่านี่จะทำได้ โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. รวมไปถึงจังหวัดสีฟ้า หรือพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่อง 17 จังหวัด
ส่วนการควบคุมการจำหน่ายแอลกอฮอล์ในร้านอาหารถึง 21.00 น. นั้น ย้ำว่าจะต้องทำได้จริง อาจจะต้องเข้าไปทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ ส่วนนี้จะไม่มีการอะลุ่มอะล่วย หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบการฝ่าฝืน จะต้องมีการตักเตือน หรือดำเนินการตามกฎหมาย
พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า หลังเปิดประเทศจะมีการประเมินอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการประชุมทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ซึ่งในภาพใหญ่จะกำหนดไว้ว่า ต้องมีการประเมินทุก 15 วัน เพื่อดูว่าสถานการณ์ต่างๆ เป็นอย่างไร โดยมีทีมกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และ กทม. รายงานสถานการณ์โดยรวม หากเป็นไปด้วยดีและได้รับความร่วมมือ ก็จะมีการผ่อนคลายมาตรการระยะต่อไป และแน่นอนว่าใน 15 วันนี้ หากสถานการณ์ดีขึ้น ก็จะมีการผ่อนคลายมาตรการเพิ่มขึ้นแน่นอน
แต่ตนขอยืนยันว่าในส่วนของผับบาร์ ยังไม่อนุญาตให้เปิดบริการ ขณะที่ปัจจัยการผ่อนสถานบันเทิงนั้น ต้องพิจารณาหลายปัจจัยประกอบกัน ที่มีทั้งคลัสเตอร์ใหม่ ผู้ติดเชื้อ รวมถึงการเร่งฉีดวัคซีน และขีดความสามารถด้านสาธารณสุข โดยจะประเมินในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว 17 จังหวัดก่อน ส่วนในพื้นที่อื่นๆ ก็ได้มีการประเมินอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ส่วนหากสถานการณ์ในพื้นที่ใดดีขึ้น ก็จะมีการทยอยเปิด
ส่วนการลงพื้นที่จังหวัดภาคใต้เมื่อวานนี้นั้น พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่ค่อนข้างมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น หลังจากที่พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค. ส่วนหน้า ลงพื้นที่ไป