ชาวบ้านค้านสร้างบ้านพักผู้พิพากษากลางเมืองสุรินทร์

2 พฤศจิกายน 2564 การรวมกลุ่มครั้งนี้ เพื่อแสดงพลังชาวสุรินทร์ คัดค้านการก่อสร้างบ้านพักและอาคารชุดพักอาศัยข้าราชการศาลแขวงสุรินทร์ เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้า ก่อนเวลา 09.00 น. กลุ่มชาวสุรินทร์กว่า 50 คน ได้เดินถือป้ายที่เขียนว่า ”ขอพื้นที่ให้ชาวสุรินทร์ ชาวสุรินทร์ขอคัดค้านการสร้างบ้านพักผู้พิพากษาสุรินทร์” โดยเดินจากวัดบูรพารามไปที่ศาลแขวงสุรินทร์ ห่างกันประมาณ 300 เมตร พร้อมกับตัวแทนยืนหนังสือคัดค้านจ่าหน้าซองถึง ”ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงสุรินทร์” ให้กับตัวแทนศาลแขวงมารับ และเชิญชวนประชาชนชาวสุรินทร์ให้มาร่วมแสดงพลัง

    

ต่อมาได้มีการรวมกลุ่มถือป้ายกันอีกครั้งที่หน้าศาลแขวงสุรินทร์ ซึ่งมีรถยนต์ติดเครื่องเสียงคอยพูดเชิญชวน พร้อมกับขอคัดค้านเรื่องดังกล่าว ขณะที่ศาลแขวงสุรินทร์ ได้ส่งตัวแทนมารับหนังสือจากนางศุภลักษณ์ รักษ์คิด ประธานชุมชนวัดบูรพาราม และประชาชนจังหวัดสุรินทร์ 

 

นางศุภลักษณ์ ได้ทำหนังสือคัดค้านการก่อสร้างสถานที่พักอาศัยของศาลแขวงจังหวัดสุรินทร์ ภายในพื้นที่เมืองเก่าสุรินทร์ (บริเวณชุมชนโบราณชั้นใน) ลงวันที่ 7 เมษายน 2564 ถึงประธานคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าสุรินทร์ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์เป็นประธาน ๆ สืบเนื่องมาจากนางศุภลักษณ์ ได้ทำหนังสือร้องเรียนขอให้ตรวจสอบการดำเนินการ ก่อสร้างสถานที่พักอาศัยของศาลแขวงสุรินทร์ โดยมีคนในชุมชนลงนามคัดค้านจำนวน 40 คน รวมทั้งได้ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งศูนย์ดำรงธรรมได้ทำหนังสือสอบถามไป ยังสำนักโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสุรินทร์

 

ต่อมานางศุภลักษณ์ ได้รับหนังสือแจ้งกลับว่าโครงการสร้างสถานที่พักอาศัยนี้ยังมิได้มีการดำเนินการแต่อย่างใด และได้มีหนังสือส่งไปยังผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงสุรินทร์ให้ดำเนินการขออนุญาตก่อสร้างก่อน

นอกจากนี้นางศุภลักษณ์ ได้ทำหนังสือคัดค้านไปยังสำนักงานเทศบาลเมืองสุรินทร์เช่นกัน และได้รับแจ้งว่าศาลแขวงสุรินทร์ ได้ดำเนินการขออนุญาตก่อสร้างอาคารที่พักศาลแขวงสุรินทร์ โดยคณะทำงานกลั่นกรองให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารภายในบริเวณพื้นที่เมืองเก่าสุรินทร์ ซึ่งมีสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสุรินทร์เป็นประธานคณะทำงานได้มีการประชุมพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อสร้างบ้านพัก และไม่อนุญาตให้ก่อสร้างอาคารชุด เนื่องจากมีความสูงเกินกำหนด ทั้งนี้นางศุภลักษณ์ เห็นว่าการอนุญาตให้ก่อสร้างบ้านพักนี้เป็นการไม่ฟังเสียงคัดค้านของประชาชนที่มีส่วนได้เสีย รวมทั้งคิดว่าหากศาลแขวงสุรินทร์ยืนยันจะสร้างบ้านพักพักอาศัยต่อไปโดยลดความสูงลงก็จะทำให้มีการก่อสร้างเกิดขึ้น

 

นางศุภลักษณ์ จึงยืนยันที่จะร้องคัดค้านมิให้มีการก่อสร้างที่พักอาศัยทุกรูปแบบด้วยเหตุผลสำคัญ คือเมืองสุรินทร์ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นเมืองเก่าที่ต้องได้รับการอนุรักษ์และพัฒนาเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว "เมืองรอง" ของอีสานใต้ การสร้างบ้านที่พักอาศัยและอาคารชุดที่เป็นอาคารสูง จะทำให้เกิดทัศนียภาพอุจาดขึ้นในบริเวณใจกลางเมืองที่เป็นพื้นที่ทางทิศเหนือติดกับ ศาสนสถาน 2 แห่ง คือวัดบูรพารามพระอารามหลวงและวัดกลางสุรินทร์  ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองสุรินทร์ คือหลวงพ่อพระชีว์ และพระธาตุเจดีย์ศรีเมืองช้าง จึงมีความไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
    

นอกจากนี้ทางด้านใต้ติดต่อกับถนนหลักเมือง หน้าศาลากลางจังหวัดเก่าก็เป็นถนนหลักกลางใจเมืองของชุมชนโบราณชั้นในที่จะเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมืองสุรินทร์  รวมทั้งที่ตั้งศาลากลางจังหวัดเดิมได้ปรากฏ ในแผนแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าสุรินทร์ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เมือง ดังนั้นพื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียงจึงควรจะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง เพื่อให้เกิดกิจกรรมวิถีชีวิตของชุมชนเมือง รวมทั้งอาจทำเป็นพิพิธภัณฑ์วิถีชีวิตกระบวนการศาลในสมัยโบราณ ก็จะสอดคล้องกับการอนุรักษ์และรักษาประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นต่อไป ดังนั้นในฐานะประชาชนจังหวัดสุรินทร์ ในเขตเมืองเก่าสุรินทร์ รวมทั้งประชาชนชาวจังหวัดสุรินทร์ที่มีส่วนได้เสียในพื้นที่เมืองเก่าสุรินทร์ จึงขอร้องทุกข์มายังผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงสุรินทร์ ได้โปรดพิจารณาระงับการดำเนินการก่อสร้างที่พักอาศัยของศาลแขวงจังหวัดสุรินทร์กลางใจเมืองเก่าสุรินทร์ครั้งนี้  แต่ไปสร้างพื้นที่รอบนอกแทน
    

นางศุภลักษณ์ กล่าวว่า วันนี้พวกเรากลุ่มพลังชาวสุรินทร์ ได้มายื่นหนังสือถึงผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงสุรินทร์ เพื่อที่จะขอคืนพื้นที่ และขอคัดค้านการก่อสร้างบ้านพักอาศัยและอาคารชุดของศาลแขวงจังหวัดสุรินทร์ ที่จะเป็นที่พักของบุคลากรของศาลแขวงสุรินทร์ ในบริเวณส่วนด้านขวามือตรงนี้ ซึ่งจะเป็นส่วนที่ติดกับพื้นที่วัดบูรพาราม และวัดกลางสุรินทร์ เป็นสถานที่ซึ่งเราชาวสุรินทร์หรือแม้แต่จังหวัดอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยวสุรินทร์ก็ยังมาเคารพสักการะ เพราะฉะนั้นเราอยากจะคืนพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์สำหรับประชาชนชาวสุรินทร์และเป็นประโยชน์ลูกหลานชาวสุรินทร์ต่อไปในอนาคตต่อไป    

 

โดย - วิจิตร ชุณหกิจขจร