วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การเปิดประเทศท่องเที่ยวแรก ตามการประกาศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ถือเป็น 4 จังหวัดนำร่องเปิดเมืองท่องเที่ยว โดยมีโครงการว่า “ชาร์มมิ่งเชียงใหม่” แต่ในวันนี้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามา เนื่องจากว่าเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศเที่ยวบินแรก ที่จะมาถึงจังหวัดเชียงใหม่จะเดินทางมาจากประเทศเกาหลีใต้ในวันที่ 5 พ.ย. 64
สำหรับบรรยากาศในวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่เริ่มทยอยเดินทางมาท่องเที่ยว ตามสถานที่ท่องเที่ยวและที่พักบนภูเขาเช่นที่ดอยม่อนแจ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และ บ้านเมืองคอง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพื่อสัมผัสอาการที่เริ่มหนาวเย็น
นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ โครงการ ชาร์มมิ่งเชียงใหม่ ที่เปิดเมืองท่องเที่ยวในวันนี้ สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มประเทศที่ที่ความเสี่ยงต่ำ ที่ทางรัฐบาลผ่อนปรนทั้งหมด 46 ประเทศ จังหวัดเชียงใหม่ไม่มีเที่ยวบินตรง จากกลุ่มประเทศเหล่านี้ เช่น ยุโรปและสหรัฐอเมริกา เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะต้องเข้ามาที่กรุงเทพมหานครและภูเก็ตก่อน พักอย่างน้อย 1 วัน เพื่อรอผลตรวจหาเชื้อ ถึงจะมาเชียงใหม่ได้ และกลุ่มที่ 2 คือนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส จะต้องมีการตรวจหาเชื้อและกักตัวในสถานที่ของรัฐจัดไว้ให้ 10 วัน เมื่อผลไม่พบเชื้อถึงจะออกมาเที่ยวได้ ทำให้เชียงใหม่ไม่เจอกับสภาวะเสี่ยงสูงที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะมาแพร่เชื้อ คาดว่าหากเปิดเมืองไปแล้ว การท่องเที่ยวจะเริ่มฟื้นกลับมา ตามโอกาสที่จะเข้ามาพร้อมกับนักท่องเที่ยว
ก่อนอื่นต้องเข้าใจสถานการณ์ ว่าเชียงใหม่ขณะนี้เผชิญสถานการณ์การระบาดเหมือนกับหัวเมืองใหญ่ต่างๆ ที่มีตัวเลขการติดเชื้อขึ้นบ้างลงบ้าง แต่ถ้ามองภาพลึกลงไป จะพบว่าการระบาดจะไม่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว คาดว่าในเดือนธันวาคม จังหวัดเชียงใหม่จะมีวัคซีนเต็มแขน ทำให้ความเสี่ยงการระบาดต่ำลงไปด้วย สอดคล้องกับในเดือนธันวาคม ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ตามเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งต่างจากช่วงเดือนพฤศจิกายน ที่จะมีแต่นักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้เข้ามา เชื่อว่าเมื่อถึงธันวาคม เศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวจะเริ่มฟื้นตัวมากขึ้น
นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) เปิดเผยว่า ทางผู้ประกอบการโรงแรมได้มีการเตรียมตัวมาตั้งแต่เดือนมีนาคมและเมษายน ที่ผ่านมา ได้มีการปรับปรุงและขยับมาตรการต่างๆ ตามประกาศของรัฐบาลโดยตลอด โดยยึดหลักเกณฑ์การขอ SHA และ SHA Plus เป็นหลัก โดยอาศัยในช่วงที่ผ่านมามีลูกค้าน้อยบางช่วงไม่มีลูกค้า ทำให้สามารถปรับปรุงได้อย่างเต็มที่ ในช่วงฤดูท่องเที่ยว ไตรมาสที่ 4 ของปี จะเน้นไปที่นักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เพราะผู้ประกอบการที่ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 20,000 – 30,000 ห้อง พร้อมจะปรับราคาลงมาแข่งขันกัน ยิ่งจองผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกันราคายิ่งถูกลงถึง 70-90 %
ในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยถึงร้อยละ 70 อีกร้อยละ 30 เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยคาดการณ์ว่าในสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเติบโตขึ้นในช่วงต้นปีหน้า โดยขณะนี้ยอดการจองห้องพักในเขตเมืองเชียงใหม่เติบโตมากขึ้นถึงร้อย 40 และในรอบนอกเมืองโตขึ้นถึงร้อยละ 60 คาดการณ์ว่าหากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้จะทำให้ยอดจองห้องพักโดยรวมโตขึ้นร้อยละ 15
ภาพ/ข่าว เกรียงไกร รัตนา