กระแสการเลือกตั้งพร้อมแม้ยังไม่มีการประกาศอะไรแต่พรรคการเมืองแต่ละพรรคก็เริ่มเตรียมตัวเริ่มหาเสียง ขณะที่จากผลสำรวจโดยรวมอ้างอิงจากสวนดุสิตโพลมหาวิทยาลัยสวนดุสิตประชาชนกว่าร้อยละ 70 ก็พร้อมแล้วสำหรับการเลือกตั้ง
ซึ่งจากผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณีนายกรัฐมนตรีที่อยากได้
โดยนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนอยากได้จากผลสำรวจดังกล่าวคือ
1.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 28.67
2.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 21.27
3.คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 19.35
4.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อยละ 8.84
5.คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ ร้อยละ 6.09
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงการเริ่มต้นและขณะนี้ยังมีอีกหลายพรรคการเมืองที่ยังไม่เปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุ วิเคราะห์ผลการสำรวจของสวนดุสิตโพล โดยระบุประชาชนอยากให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ และมั่นใจว่าฝ่ายค้านจะเป็นรัฐบาล
โดยมีการแบ่งออกเป็น 5 ประเด็นดังนี้
1.ยอมรับว่า ผลโพล ของสถาบันราชภัฏสวนดุสิต มีความน่าเชื่อถือสูงกว่าโพลหลายสำนัก ที่ผลการสำรวจมักจะสนองตอบทางการเมือง ของบางกลุ่มบางพรรค ไม่มีความเป็นมืออาชีพ หรือที่เรียกกันว่า โพลปั่นกระแส
2.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ควรจะยุบสภาหรือไม่ จากผลโพลพบว่า 57.86% คาดหวังว่าจะมีการเลือกตั้งต้นปี2565 แสดงว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ต้องการให้รัฐบาลยุบสภา และเลือกตั้งใหม่ในช่วงต้นปี 2565 รวมทั้งคำถามที่ว่า ถึงเวลาเลือกตั้งใหม่หรือยัง คำตอบคือ 70.29% เห็นว่าถึงเวลาเลือกตั้งใหม่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก สรุปได้ว่า ประชาชนต้องการให้ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่
3.ผลการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเปลี่ยนขั้วการเมืองหรือไม่ ผลโพลชี้ให้เห็นว่า ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ พบว่า 58.31% จะได้เปลี่ยนรัฐบาล มี 56.26%เห็นว่าจะได้เปิดโอกาสให้คนใหม่มาเป็นรัฐบาลบ้าง มี 50.80% บอกว่าจะได้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี เมื่อพิจารณาผลจาก 3 คำถาม เห็นได้ว่า มีคำตอบต้องการเปลี่ยนแปลงขั้วการเมืองเกินครึ่ง ทั้ง 3 คำถามชัดเจน
4.รัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไป ฝ่ายใดจะได้เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลนั้น ดูจากคะแนนนิยมของแต่ละพรรคการเมือง และนำความนิยมของพรรคร่วมรัฐบาลชุดปัจจุบัน มี พรรคพลังประชารัฐ 24.61% พรรคประชาธิปัตย์ 6.18% พรรคภูมิใจไทย 4.28% รวม 3 พรรค มีคะแนนรวม 35.07% ในขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย 32.94% พรรคก้าวไกล 25.21% รวม 58.15% คะแนนเกินครึ่ง เป็นสัญญานว่า ประชาชนจะสนับสนุนขั้วฝ่ายค้านปัจจุบัน ให้เป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
5.ใครคือนายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้น ดูจากลำดับคะแนน ดังนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 28.67% พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 21.27% คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ 19.35% นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 8.84% ในเรื่องนี้ มีข้อสังเกตุ อยู่ 3 ประการ คือ 1.พรรคเพื่อไทย มีคะแนนนิยมพรรคสูงสุด แต่เมื่อยังไม่เปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คะแนนส่วนนี้ น่าจะตกไปอยู่ที่ คุณพิธา และคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นฐานคะแนนเดียวกัน ถ้าพรรคเพื่อไทยเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ผลคะแนนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง 2.คะแนนของพรรคพลังประชารัฐ สูงกว่าคะแนน พลเอกประยุทธ์ ด้วยเหตุนี้ทำให้ ส.ส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มั่นใจในคะแนนเสียงของพรรค มากกว่าตัวพลเอกประยุทธ์ จึงพร้อมจะเดินหน้าต่อในนามพรรคพลังประชารัฐ โดยไม่สนใจกระแสของพลเอกประยุทธ์ 3.กรณีคุณอภิสิทธิ์ ซึ่งได้ยุติบทบาท และไม่มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้ว กลับมีรายชื่ออยู่ในอันดับ 4 และมีคะแนนนิยมส่วนตัวสูงกว่าคะแนนพรรคประชาธิปัตย์ และมากกว่าหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคด้วย
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงผลสำรวจและการวิเคราะห์เพราะที่สุดแล้วในสนามจริงประชาชนคนไทยทั้งประเทศเท่านั้นที่เป็นผู้ตัดสินและผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างที่คาดหมายหรือไม่เราอาจรู้ได้ในไม่ช้านี้