"อรรถพล" อดีต อสส. นำทอดกฐินทางน้้ำที่ จ.ฉะเชิงเทรา สุดเก๋ใช้เรือ EV ทำพิธี
"อรรถพล" อดีต อสส. นำทอดกฐินทางน้ำสุดเก๋ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ใช้เรือไฟฟ้านำผู้ร่วมทำบุญที่สวมใส่ชุดไทยทั้งหมดร่องเรือจากจวนผู้ว่าฯ ไปยังวัดท่าอิฐ มียอดทำบุญกว่า 8.1 ล้านบาท เตรียมนำไปสร้างอาคาร ปรับภูมิทัศน์ตลาดโอทอปช่วยเหลือชาวบ้านต่อไป
วันนี้ (26 ต.ค.) ที่วัดไชยภูมิธาราม หรือวัดท่าอิฐ ตำบลบางพระ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อดีตอัยการสูงสุด ในฐานะนายกสมาคมชาวฉะเชิงเทรา ร่วมกับนายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานทอดกฐินสามัคคี โดยเป็นการทอดกฐินทางเรือ โดยมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักธุรกิจ เเละประชาชนมาร่วมทอดกฐินจำนวนมาก
ซึ่งในช่วงเช้าผู้ร่วมทอดกฐินทุกคนที่สวมใส่ชุดไทย ได้นั่งเรือไฟฟ้า หรือ เรือ EV จากจวนผู้ว่าราชการจังหวัดไปยังวัดไชยภูมิธาราม โดยใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงเศษ เมื่อมาถึงวัดไชยภูมิธาราม ได้เข้ากราบสักการะหลวงพ่อสมปรารถนาที่ตั้งอยู่บนอาคารรวมพลังบุญใหญ่สว่าง (อาคารอเนกประสงค์ที่สร้างใหม่) ซึ่งจะมีการปลูกต้นไม้บริเวณรอบอาคารเพื่อเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติ
นายอรรถพล กล่าวว่า จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่เป็นน้ำจำนวนมาก บ้านเรือนของประชาชนจะติดน้ำ การทอดกฐินของชาวเเปดริ้วจึงกระทำทางน้ำ โดยการทอดกฐินทางน้ำครั้งเเรกของสมาคมเมื่อปีที่ จัดที่วัดผาณิตาราม อ.บ้านโพธิ์ มีผู้ร่วมกิจกรรมจำนวนมาก มีการสบทบทุนช่วยกันทำกิจกรรมของวัดเเละการพัฒนาชุมชนได้มาทั้งสิ้น 11 ล้านบาท
ปีนี้จึงต่อยอดด้วยการทอดกฐินทางน้ำเช่นเดิม โดยเลือกวัดที่อยู่ริมเเม่น้ำ คือวัดไชยภูมิธาราม หรือ วัดท่าอิฐ สามารถรวบรวมยอดกฐินเป็นสิ่งของและเงินกว่า 8,123,638 บาท อีกทั้งปีนี้ยังได้รับอนุเคราะห์เรือในการทอดกฐินจากนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด ฯ เป็นเรือไฟฟ้า โดยครั้งเเรกจะได้เรือใหญ่มา เเต่ไม่สามารถลอดใต้สะพานเเม่น้ำบางประกงได้ จึงได้เรือขนาดกลางมา 2 ลำ รวมกับเรือพื้นบ้าน 3 ลำเป็น 5 ลำ ใช้ในการทอดกฐินครั้งนี้
นายอรรถพล กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ไปกราบนมัสการสมเด็จธงชัย วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร โดยสมเด็จธงชัยได้กล่าวถึงคนเเปดริ้วว่า “มีสบาย สบาย สไตล์ เเปดริ้ว” ซึ่งตนชอบคำพูดนี้มาก เพราะความหมายคือ ทำอะไรสบายๆ ร่วมมือร่วมใจกัน เงินทอดกฐินครั้งนี้นอกจากเป็นการสร้างอาคาร ทำบุญส่งเสริมพระพุทธศาสนาแล้ว ยังมีตลาดที่ทางกรมพัฒนาชุมชนเคยให้เป็นที่จำหน่ายสินค้าโอทอป เเละยังมีการปลูกต้นรวงผึ้งซึ่งเป็นต้นไม้ประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 โดยเงินที่ได้จากการทอดกฐินนอกจากทำศาลาอเนกประสงค์แล้ว ยังจะก่อให้เกิดรายได้หรือพัฒนาชุมชน เพราะจะมีตลาดชุมชนซึ่งอยู่ด้านหลังวัดด้านที่ติดถนนสาธารณะอีกด้วย
