ศบค.เผย 15 จว.นำร่องเปิดประเทศ หนองคาย อุดรฯ เลย ฉีดวัคซีนประชากรไม่ถึง 50 %

26 ตุลาคม 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 หรือศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด-19 ประจำวันที่ 26 ตุลาคม ว่า ประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 24 ของโลก ประเทศในเอเชียพบผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซียฟิ ลิปปินส์ ปากีสถาน ญี่ปุ่น บังคลาเทศ ไทย อัตราป่วยต่อประชากร 1 ล้านราย สหรัฐอเมริกา 139,161 ราย สหราชอาณาจักร 128,883 ราย มาเลเซีย 74,034 ราย ไทย 26,658 ราย อินเดีย 24,468 ราย ฟิลิปปินส์ 24,766 ราย และมาเลเซีย 15,291 ราย อัตราการตายต่อประชากร 1 ล้านราย สหรัฐอเมริกา 2,272 ราย สหราชอาณาจักร 2,042 ราย มาเลเซีย 866 ราย อินโดนิเซีย 517 ราย ฟิลิปปินส์ 376 ราย อินเดีย 326 ราย ไทย 269 ราย

ผู้ป่วยรายใหม่ 7,706 ราย แบ่งเป็น ติดเชื้อในประเทศ 7,568 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 10 ราย จากเรือนจำที่ต้องขัง 128 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,838,000 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,866,863 ราย หายป่วย 9,532 ราย หายป่วยสะสม 1,722,422 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 66 ราย เสียชีวิตสะสม 18,771 ราย คิดเป็น 1.02% กำลังรักษา 98,150 ราย ในโรงพยาบาล 41,896 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 56,254 ราย อาการหนัก 2,414 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 544 ราย

ผู้ป่วยรายใหม่ 7,706 ราย  จำแนกเป็น ติดเชื้อจากต่างประเทศ 10 ราย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 1,312 ราย 4 จังหวัดภาคใต้ 1,810 ราย จังหวัดอื่น 67 4,446 ราย ทั้งนี้จากกราฟแสดงผลการติดเชื้อโควิด-19 พบว่าภาพรวม 67 จังหวัดคิดเป็น 59% ภาคใต้คิดเป็น 24% และกรุงเทพมหานครและปริมณฑลคิดเป็น 17%

รับวัคซีนฉีดแล้ว 71,237,520 โดส จำแนกเป็น เข็มที่หนึ่งเพิ่มขึ้น 346,589 ราย รวมสะสม 40,346,281 ราย คิดเป็น 56.0% ของประชากร เข็มที่สองเพิ่มขึ้น 341,373 ราย รวมสะสม 28,713,904 ราย คิดเป็น 19.9% ของประชากร เข็มที่สามเพิ่มขึ้น 43,756 ราย รวมสะสม 2,177,335 ราย คิดเป็น 3.0% ของประชากร

ผู้ป่วยอาการหนัก ( ปอดอักเสบ) ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิต โดยผู้ป่วยปอดอักเสบ วันที่ 13 ตุลาคม จำนวน 2,941 ราย วันที่ 26 ตุลาคม จำนวน 2,414 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ วันที่ 13 ตุลาคม จำนวน  669 ราย วันที่ 26 ตุลาคม จำนวน  544 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต วันที่ 13 ตุลาคม จำนวน 82 ราย วันที่ 26 ตุลาคม จำนวน 66 ราย ทั้งนี้แนวโน้มจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตลดรถน้อยลง

ส่วนจำนวนและสัดส่วนผลตรวจ  ATK ในประเทศรายวันและสะสมวันที่ 20 สิงหาคม ถึง 26 ตุลาคม พบว่า ยอดตรวจ  ATK วันที่ 26 ตุลาคม จำนวน 46,099 ราย ยอดตรวจสะสม วันที่ 20 สิงหาคมถึง 26 ตุลาคมจำนวน 2,983,744 ราย ยอดผลบวก  ATK วันที่ 26 ตุลาคม จำนวน 1,928 ราย และยอดผลบวกสะสม วันที่ 20 สิงหาคมถึง 26 ตุลาคม จำนวน 188,676 ราย

สำหรับผู้ป่วยเสียชีวิต รายงานเมื่อ วันที่ 26 ตุลาคมจำนวน 66 ราย แบ่งเป็น กรุงเทพมหานคร รวม 12 ราย สมุทรปราการ ปทุมธานี สมุทรสาคร รวม 10 ราย ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด นครราชสีมา ขอนแก่น กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี อุดรธานี รวม 8 ราย พิษณุโลก นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก เชียงใหม่ รวม 7 ราย ภูเก็ต นครศรีธรรมมราช สุราษฎร์ธานี สตูล ชุมพร นราธิวาส พัทลุง รวม 14 ราย ระยอง กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี ชลบุรี ปราจีนบุรี สุพรรณบุรี รวม 15 ราย แบ่งเป็นชาย 27 ราย หญิง 39 ราย ไทย 62 ราย ปากีสถาน 1 ราย เมียนมา 1 ราย ไม่ระบุ 2 ราย ค่ากลางของอายุ 70 ปี(28 ถึง 101 ปี) ค่ากลาง ทราบติดเชื้อถึงเสียชีวิต 16 วัน นานสุด 68 วัน อายุ 60 ปีขึ้นไป 51 ราย คิดเป็น 77% อายุ น้อยกว่า 60 ปี มีโรคเรื้อรัง 12 ราย คิดเป็น 18% ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 2 ราย คิดเป็น 3% ตั้งครรภ์ 1 ราย คิดเป็น 1.5% อายุ 28 ปี จังหวัดสตูล ไม่ได้รับวัคซีน

ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 10 ราย เช่น จากเบลเยียม 4 ราย รัสเซีย 1 ราย เดนมาร์ก 1 ราย ฝรั่งเศส 1 ราย สหราชอาณาจักร 2 ราย สหรัฐอเมริกา 1 ราย

จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ สะสมตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึง 26 ตุลาคม รวมทั้งประเทศ (ยกเว้นผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร)  1,834,692 ราย ในเรือนจำและที่ต้องขัง 72,827 ราย จังหวัดอื่นๆ 54 จังหวัด 481,977 ราย พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด 392,091 ราย ภาคใต้ 4 จังหวัด 151,965 ราย รวมกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 735,832 ราย

จำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุด 10 อันดับแรก คือ กรุงเทพมหานคร 901 ราย สะสมตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนถึง 26 ตุลาคม รวม 395,518 ราย ปัตตานี 621 ราย รวม 34,229 ราย สงขลา 620 ราย รวม 44,230 ราย นครศรีธรรมราช 533 ราย รวม 27,158 ราย เชียงใหม่ 355 ราย รวม 14,517 ราย นราธิวาส 322 ราย รวม 34,786 ราย ยะลา 247 ราย รวม 38,720  ราย ชลบุรี 245 ราย รวม 99,484 ราย ระยอง 229 ราย รวม 39,822 ราย และตรัง 227 ราย รวม 9,762 ราย

อย่างไรก็ตามความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนจำแนกตามจังหวัดและการได้รับวัคซีนตามเป้าหมายวันที่ 26 ตุลาคม พบว่า ครอบคลุมกลุ่มประชากรทั้งหมดมากกว่า 50% คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ยะลา สงขลา อยุธยา สระบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง เชียงใหม่ ลำพูน อุตรดิตถ์ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ตราด นครราชสีมา บุรีรัมย์ กระบี่ พังงา ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี ตรัง

จังหวัดพื้นที่นำร่อง 15 จังหวัด ฉีดวัคซีนครอบคลุมเกิน 50% ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ สมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรีช ลพบุรี ระยอง ตราด บุรีรัมย์ กระบี่ พังงา และระนอง ขาด 3 จังหวัด คือ หนองคาย อุดรธานีและจังหวัดเลย

นอกจากนี้ความครอบคลุมกลุ่มผู้สูงอายุมากกว่า 70% คือ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี กระบี่ พังงา ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี ตรัง จังหวัดพื้นที่นำร่อง 15 จังหวัดที่ฉีดวัคซีนควบคุมกลุ่มผู้สูงอายุมากกว่า 70% คือ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี กระบี่ พังงา และระนอง