วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกๆ ปี ตามปฏิทินทางจันทรคติ เป็นวันสำคัญวันหนึ่งทางพระพุทธศาสนา คือ วันออกพรรษา ซึ่งในปีนี้ (2564) จะตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม โดย "เนชั่นออนไลน์" จะชวนไปทำความรู้จักประวัติของวันออกพรรษา
วันออกพรรษา เป็นวันที่สิ้นสุดระยะเวลาจำพรรษา 3 เดือนของพระภิกษุสงฆ์ โดยพระภิกษุสงฆ์จะทำสังฆกรรมปวารณาออกพรรษา หลังจากที่อยู่จำพรรษาตลอดระยะเวลา 3 เดือน คือ ตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11
ความสำคัญของวันออกพรรษาเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มายังโลกมนุษย์ หลังจากที่พระองค์ได้เสด็จไปจำพรรษาและแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพุทธมารดา ซึ่งอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต แต่ลงมาฟังพระธรรมเทศนาที่ชั้นดาวดึงส์
วันออกพรรษา จึงหมายถึงวันที่พ้นจากข้อกำหนดทางพระวินัยที่ต้องอยู่ประจำที่หรือในวัดแห่งเดียวตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน กล่าวคือ เมื่อพระภิกษุได้อธิษฐานอยู่จำพรรษาในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 แล้วอยู่ประจำที่หรือวัดนั้นเรื่อยไป จนสิ้นสุดในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หลังจากวันออกพรรษาแล้วก็สามารถจาริกไปค้างแรมที่อื่นได้
การออกพรรษานี้ ถือเป็นข้อปฏิบัติตามพระวินัยของพระภิกษุสงฆ์ที่เรียกว่า "ปวารณา" (ปะ-วา-ระ-นา) ซึ่งแปลว่า "อนุญาต" หรือ "ยอมให้" คือ ให้โอกาสแก่พระภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ร่วมกันตลอดระยะเวลา 3 เดือน สามารถว่ากล่าวตักเตือนและชี้ข้อบกพร่องแก่กันและกันได้โดยเสมอภาคด้วยจิตที่ดีต่อกัน
กล่าวคือ พระสงฆ์บางรูปอาจมีข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข และการให้ผู้อื่นว่ากล่าวตักเตือนก็จะทำให้รู้ข้อบกพร่องของตน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ถามข้อสงสัยซึ่งกันและกันได้ด้วย พระผู้ใหญ่ก็กล่าวตักเตือนพระผู้น้อยได้ และพระผู้มีอาวุโสน้อยก็สามารถชี้แนะถึงข้อไม่ดีของพระผู้ใหญ่ได้เช่นกัน
แม้พระผู้ใหญ่จะมีอาวุโสมากกว่า แต่ท่านก็มิได้สำคัญตนผิดคิดว่าท่านทำอะไรแล้วถูกไปหมดทุกอย่าง เพื่อเป็นเครื่องมือชี้ให้เห็นวิธีการคอยสังวร คือ ตามระวัง ไม่ประมาท ไม่ยอมให้ความเลวร้ายเกิดขึ้นได้ เหมือนล้อมรั้วไว้ก่อนที่วัวจะหาย ไม่ว่าจะอยู่ในเทศกาลเข้าพรรษาหรือออกพรรษา พระท่านจะประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ตามกรอบของพระธรรมวินัยอยู่ตลอดเวลา