การเลือกตั้งท้องถิ่น และท่าทีของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์

สามพรรค ดีลกันล่วงหน้า ความหมายคือเหมือนจับมือกันหลวมๆ ถ้าเกิดมีการเลือกตั้งกันต่อไปครั้งหน้า สามพรรคนี้ยังจะอยู่ จึงมาคุยว่าแล้วต้องทำอะไรบ้าง มีอยู่สองเรื่อง เป็นสาระสำคัญที่จะบ่งบอกได้ว่าเป็นสัญญาล่วงหน้าในฐานะคนร่วมชะตากรรม และร่วมทิศทางทางการเมืองด้วยกัน

ก่อนหน้านี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่งสัญญาณไปยังหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ด้วยวาจา ทั้งในการประชุมและในการพบปะ เรื่องแรกคือช่วยกันเร่งขับเคลื่อนสร้างผลงาน ในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนให้เป็นรูปธรรมและขอให้ลงพื้นที่ เรื่องนี้ถูกพูดออกไปอย่างน้อยสามครั้ง

การยุบสภาหรือว่าการเลือกตั้งใหม่ มีทำได้สองแนวทาง 1. ผลงานย่ำแย่ถูกกดดันจากส.ส. จนตัดสินใจยุบสภา 2. ยุบเมื่อเห็นโอกาสในการกลับมา

ลึกลับ จากการหารือกันที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นเรื่องราวของการแก้กฎหมายว่าด้วยเรื่องของการเข้าไปช่วยหาเสียงให้กับนักเลือกตั้งในท้องถิ่น

คุณจุรินทร์ เห็นแล้วว่าปัญหานี้เกิดจากการนำเสนอกฎหมายของรัฐบาล จากสัญญาณที่นายกซักถามหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มันอาจจะมีปัญหาได้ เพราะการเสนอกฎหมายทำได้แค่ 2-3 รูปแบบ รูปแบบใหญ่ที่สุดในลักษณะนี้ คือรัฐบาลโดย ครม. เสนอกฎหมายเข้าไป กับสองคือพรรคการเมืองเสนอเข้าไป คุณจุรินทร์เห็นแล้วสัญญาณนั้นจึงเสนอทางออก พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นคนเสนอกฎหมายนี้ เข้าสู่ที่ประชุมสภาเพื่อให้มีการปรับปรุงแก้ไขด้วยตัวของพรรคเอง

ฉะนั้นการแก้ล็อครอบนี้ มันทำให้เกมการเมืองระดับท้องถิ่นที่จะเป็นกระดานหกไปสู่การเลือกตั้งในสนามใหญ่ คล่องตัวขึ้น ว่ากันว่าการหารือในรอบนี้ทั้งสามพรรค ได้ข้อตกลงร่วมกันแต่จะดีลล่วงหน้ากันหรือไม่ ไม่มีใครรู้ รู้เพียงแต่ว่ารอบนี้มีการหารือพูดคุยกันแล้ว คือการหารือให้แต่ละพรรคนั้นเร่งสร้างผลงาน ตีความได้ว่าโอกาสที่จะยุบสภา การเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นได้ทุกเวลา

การแก้กฎหมายท้องถิ่น ทันกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.หรือไม่นั้น ต้องรอดูในรายละเอียดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเสนออย่างไร แต่ในพื้นที่กทม. ต้องพูดว่าตอนนี้ปี่ กลอง เริ่มตีดัง พอรู้แล้วว่าตอนนี้มีใครตัวเต็ง

ตอนนี้สนามเลือกตั้งกทม.ปี่ กลอง เชิด แม้ว่ามีการส่งสัญญาณออกมาว่าจะมีการเลือกตั้งสก. คู่ขนานไปกับผู้ว่าฯกทม. แต่ไม่มีการระบุว่าเมื่อใด จะเป็นเวลาไหน แต่อย่างไรก็ตามสนามท้องถิ่นเหล่านี้ ที่เป็นหัวใจหลักของประเทศไทยคึกคักน่าดู

และเป็นปรากฏการณ์ของคนที่เปิดหน้าออกมาว่าอาสาจะสมัครเป็นผู้ว่าฯกทม. แต่ว่ากันว่าผลของการอาสาเข้ามา ทำให้บางคนต้องเจอมรสุมและอาจจะต้องแปลเปลี่ยนสภาพจากการลงรับสมัครเลือกตั้งระลอกนี้ เพราะว่าผลของพปชร. การแตกขของพรรคพลังประชารัฐเอฟเฟคลงที่มา จักรทิพย์ ชัยจินดา การลงสมัครผู้ว่าฯจึงอ่อนแรงไปด้วย

จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. เปิดตัวออกมาก่อนใคร ส่งทีมงานลงพื้นที่ทุกแห่ง แต่ทำไมตอนนี้ถึงเฉา

เสียงปี่ กลองเริ่มเชิด และบุคคลที่จะถูกเสนอในนามของพรรค กลายเป็นพปชร.เอฟเฟค คำประกาศหนึ่งที่ยืนยันได้ว่า สถานการณ์สนับสนุนของพรรคพลังประชารัฐในการส่งตัวแทนคือบิ๊กแป๊ะ ลงสนามผู้ว่าฯกทม. ท่าทางจะไม่ใช่แล้ว ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหลังศึกซักฟอก

นี่เป็นคำประกาศชัด ครั้งแรกของเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ในคราวที่ประชุมพรรคและส.ส. เพื่อแนะนำตัว ประธานยุทธศาสตร์ของพรรค พลเอก วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา คำประกาศได้ยินไปถึงหูของบิ๊กแป๊ะทันที วันนั้นในขณะที่ประกาศ บิ๊กแป๊ะขึ้นป้ายไวนิล พร้อมกับสก.บอกว่า แม้ว่าพรรคจะไม่ส่ง แต่ผมก็ยืนยันลงพื้นที่ และถึงตอนนี้เราได้สอบถามเค้าไปว่าบิ๊กแป๊ะจะเอาเช่นไร

คำตอบที่ได้รับ แล้วแต่ผู้ใหญ่จะคุยกัน แต่ตนเองจะทำหน้าที่ในการลงรับสมัครเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม.

ตอนนี้ทีมงานทั้งหมดของบิ๊กแป๊ะกำลังทำงานอย่างเต็มที่ เกิดความสับสนว่าตกลงจะเอายังไง

ชัชชาติ ตอนนี้ต้องบอกว่าเป็นเบอร์หนึ่งตัวจริง

แต่ไม่ใช่คุณชัชชาติ ที่จะโผล่เข้ามาแล้วเป็นซุปตาร์แบบลอยลม ตอนนี้แม้ว่าจะยังไม่เปิดตัวยังแอบๆซ่อนๆอยู่ แต่อย่างน้อยข่าวคลาวว่าด้วยเรื่องของการตัดสินใจ เจรจากับพรรคประชาธิปัตย์ คุณสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สจล. และประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ กลายเป็นสตาร์ดาวเด่นขึ้นมาทันที เพราะสุชัชวีร์ก็ไม่ธรรมดา มีความเป็นฐานเสียงของคนรุ่นใหม่

สุชัชวีร์ ไม่เคยแทนตัวเองว่าอธิการบดี สจล. พูดกับนิสิตนักศึกษาทั่วไปว่าพี่เอ้ ขนาดรับน้องนิสิตใหม่ยังแฝงตัวไปนั่งกับน้องๆ ยุทธวิธีในการนำเสนอตัวเองต้องบอกว่าสุดยอด การบริหารจัดการก็ถือว่ายอดเยี่ยม

คนในกทม. 5ล้านกว่าคน จะเป็นคนชี้ชะตาผู้ว่ฯกทม.ในฝัน

ที่มา เนชั่นอินไซต์ บากบั่น บุญเลิศ และ วีระศักดิ์ พงษ์อักษร