เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ทิพานัน ศิริชนะ ร่วมวงสนทนาใน Twitter Space ในหัวข้อ StreetSpaceโดย Street Hero “รัฐเรียกคืนเงินโครงการรัฐ และ วาระเปิดประเทศไปได้จริงหรือ” กรณีที่ผู้ประกอบการรายย่อย ที่เข้าร่วมโครงการเราชนะ ถูกระงับสิทธิการใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ในการเข้าร่วมโครงการ เนื่องจากฝ่าฝืนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการ ไม่ทำตามกฎระเบียบ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ส่งหนังสือเรียกคืนเงินร้านค้าจำนวน 2,099 ราย ว่า เนื่องจากพบพฤติกรรมที่ผิดปกติในการทำธุรกรรมจากการใช้จ่าย ซึ่งผิดไปจากวัตถุประสงค์ของโครงการรัฐ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และกระตุ้นการใช้จ่ายสินค้าจำเป็น และสร้างรายได้ให้กลุ่มเป้าหมายผู้ค้ารายย่อย
ดังนั้นหากได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างตรงไปตรงมาก็ไม่มีปัญหา แต่ต้องยอมรับว่า มีผู้ประกอบการบางส่วนมีพฤติกรรมเข้าข่าย “ฉ้อโกง” ใช้โอกาสในการแสวงหาประโยชน์ในทางที่ผิด โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ 1.3 ล้านราย มีจำนวนหนึ่งที่ ฝ่าฝืนเงื่อนไขที่ตกลงยินยอมไว้ เช่น การสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อแลกเป็นเงินสด โดยไม่มีการซื้อขายสินค้าและบริการกันจริง
ผู้ประกอบการที่ถูกระงับสิทธิและเรียกเงินคืน ยังมีโอกาสให้เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงได้ ในกำหนดระยะเวลา 14 วัน ถ้ามีหลักฐานพิสูจน์ตัวเองได้ ว่า ไม่ได้กระทำความผิด ก็ไม่ต้องชำระเงินคืน แต่หากกระทำความผิดจริง ต้องคืนเงิน ตามที่โครงการหรือหน่วยงานภาครัฐที่ได้แจ้งไป
"ภาครัฐไม่ได้มัดมือชก ว่า หากครบกำหนดไม่ได้ชี้แจง จะต้องคืนเงินอย่างเดียว แต่ยังมีช่องทางให้อุทธรณ์ได้อีกโดยสามารถอุทธรณ์คำวินิจฉัยภายใน 15 วัน ส่วนของผู้ซื้อ ต้องดูเจตนาของการกระทำความผิด ถ้าเจตนาโกงร่วมกันก็มีความผิด แต่ถ้าผู้ซื้อไม่ได้มีเจตนากระทำความผิด ก็มาชี้แจงข้อเท็จจริง โดยดูข้อเท็จจริงเป็นกรณีไป"
ส่วนเรื่องการเสียภาษีนั้น ย้ำว่า วัตถุประสงค์โครงการนี้ มุ่งเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เรื่องภาษีเป็นหน้าที่ของประชาชนคนไทยทุกคนอยู่แล้ว ไม่ใช่ ว่า โครงการนี้ เข้ามาเพื่อจะเก็บภาษี รัฐบาลจะยังดูแลประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยจะพิจารณาเลือกโครงการที่แก้ไขปัญหาตรงจุด และเหมาะสมกับสถานการณ์ ไม่ใช่เปิดประเทศแล้วจะเลิกช่วยเหลือประชาชน
“มีการพยายามด้อยค่าโครงการดีๆ ของภาครัฐทางโซเชียลมีเดียหลายรูปแบบ ซึ่งจะทำให้พี่น้องประชาชนที่จะได้รับประโยชน์หลงเชื่อและไม่กล้าเข้าร่วมโครงการ ทำให้ไม่ได้รับความช่วยเหลือ อาจเกิดผลเสียที่คาดไม่ถึง และนำไปสู่เรื่องน่าเศร้าที่ประชาชนคิดว่าไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ จากจุดเล็กๆ ของการเข้าใจผิดจากการด้อยค่า และบิดเบือนข้อมูลอาจนำไปสู่เรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น”