นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้แก่ลูกจ้าง ผู้ประกันตน สำนักงานประกันสังคมจึงจัดให้มีการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค กรณีวัคชีนไข้หวัดใหญ่ (Infuenza Vaccine) ให้แก่ ผู้ประกันตน มาตรา 33 (ม.33) และผู้ประกันตนมาตรา 39 (ม.39) ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป
เพื่อให้การคุ้มครองดูแลผู้ประกันตน ซึ่งเป็นแรงงานสำคัญของประเทศในลักษณะของการป้องกันมากกว่าการรักษา และเพื่อลดขั้นตอนการคัดกรอง วินิจฉัยผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ จัดให้บริการฉีด ณ สถานพยาบาลที่ สำนักงานประกันสังคมกำหนดปีละ 1 ครั้ง ซึ่งในปี 2564 นี้ ได้เปิดให้บริการช่วงระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564
ที่ผ่านมา ปรากฎว่ายังมีผู้ประกันตนกลุ่มเสี่ยงจำนวนไม่น้อย ยังไม่ได้มาใช้สิทธิ เข้ารับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สำนักงานประกันสังคม โดยคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม จึงได้ออกประกาศ เรื่องหลักเกณฑ์ และอัตราค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ลงวันที่ 30 กันยายน 2564 โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป
ประกาศดังกล่าว มีสาระสำคัญให้ผู้ประกันตน ม.33 ม.39 ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป มีสิทธิได้รับบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค กรณีฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ณ สถานพยาบาลที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด สิทธิในการรับบริการฉีดวัคชีนไข้หวัดใหญ่ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564
นาย บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ กล่าวอีกว่า ผู้ประกันตนกลุ่มเสี่ยงควรฉีดวัคซีนป้องกันทั้งไข้หวัดใหญ่ และวัคชีนโควิด-19 โดยเว้นระยะห่างกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ซึ่งข้อมูลจากกรมควบคุมโรค จะช่วยลดความเสี่ยงป่วยรุนแรงในสถานการณ์โควิด- 19 และไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี สำนักงานประกันสังคม มีความมุ่งมั่นพัฒนาสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ เพื่อผู้ใช้แรงงานทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อได้รับความคุ้มครองอย่างครอบคลุมในทุกมิติ
ทั้งนี้ ขอให้ผู้ประกันตนมั่นใจว่า สำนักงานประกันสังคมจะดูแลผู้ประกันตน และพร้อมพัฒนางานด้านประกันสังคมให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง บนพื้นฐานปรัชญาการพัฒนาแบบยั่งยืน เพื่อให้เกิดความมั่นคงต่อชีวิตและสุขภาพของผู้ประกันตนต่อไป