ลุงหัวร้อนขับเก๋งเฉี่ยวไม่ยอมให้รถกู้ภัยนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล

จากรณีที่เพสบุ๊คเจ้ม้อย V Plusโพสต์คลิปและข้อความ#อดีตข้าราชการทหาร ด่ากราด ขัดขวางการนำส่งผู้ป่วย อยากทราบว่าเหตุเช่นกันค่ะ ว่าลุงทำไปเพื่อเหตุใด ลุงควรออกมาอธิบายต่อสังคมด้วยเพื่อความเป็นธรรมกับตัวลุงเอง ทำเช่นนี้ก็ไม่สมควรอย่างยิ่ง นะคะ  ข้าราชการทหารวัยเกษียณ ชนคนเจ็บแล้วด่ากราด อ้างตัวเองเป็นหมอ !!! ทั้งคนเจ็บ ทั้งพลเมืองดี ทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตำรวจ โดนด่าหมด คำที่ได้ยินบ่อยสุดคือ ไอ้ส้..ทีน ส้..ทีน ขัดขวางการนำส่งคนเจ็บ ( แถมตบรถพยาบาลด้วย ) พลขับรถพยาบาลต้องอาศัยทีเผลอ เพื่อรีบนำคนเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาล เพราะมีอาการเจ็บซี่โครง มีปวดในตัว(เหมือนช้ำใน) โดยคนเจ็บนั่งบาดเจ็บอยู่ คนนี้ก็ตามไปด่า และก็ไม่ยอมรับผิดใดๆ และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ชนแล้วก็ยังไม่ยอมรับผิด ก็ไม่น่าจะทำขนาดนี้ นี่ด่ามั่วเลย ใจเย็นสุดๆแล้ว แต่ละวัน ไม่รู้จะต้องเจออะไรบ้าง คนที่เห็นแก่ตัวก็ยังมีเต็มไปหมด 

2 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบ นายจิม ขอสงวนนามสกุล ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุมชน สภ.เมืองอุดรธานี เล่าว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 23.00 น.วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคลิปที่จากเหตุการณ์ ก่อนหน้านี้มีรถยนต์เฉี่ยวชนกันที่ สามแยกวัดโพธิวราราม เขตเทศบาลนครอุดรธานี แล้วฝ่ายคู่กรณีขับรถเก๋งหลบหนี และฝ่ายรถ จยย.ได้ติดตามรถเก๋งมาถึงจุดนี้ โดยมีพลเมืองดีเข้าช่วยเหลือ และตนได้รับแจ้งว่ามีการทะเลาะมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิและพลเมืองดี  
เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้แสดงตัวว่าเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง แต่ชายคนดังกล่าวก็ยังใช้คำพูดด่าว่า และทุบรถเพื่อไม่ให้รถมูลนิธินำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล โดยมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพเอาไว้ตนจึงวิทยุเรียกร้อยเวรออกมาตรวจสอบ ซึ่งอาการของชายคนที่ขับรถเก๋งเหมือนมีดื่มแอลกอฮอล์ และมีการอ้างว่าเป็นอดีตข้าราชการ และใช้ถ้อยคำด่าว่าเจ้าหน้าที่ และอ้างว่าเป็นนายแพทย์ แต่ไม่ทราบหน่วยงาน ซึ่งคุณจะเป็นใครตำแหน่งอะไรก็ไม่ควรจะใช้ถ้อยคำแบบนี้กับเจ้าหน้าที่ จากนั้นทางร้อยเวรก็ได้เข้าตรวจสอบเบื้องต้นกับทั้งสองฝ่าย 

เบื้องต้นทาง ร.ต.ท.สถาพร ก้อนสันทะ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี หลังรับแจ้งได้ออกไปตรวจสอบ ทราบว่ารถยนต์ได้เฉี่ยวชนกับรถ จยย.มีชายผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่มูลนิธินำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลในส่วนของชายที่ขับรถเก๋งยังให้การปฎิเสธ และพูดจาโวยวาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกไว้ และจะได้เรียกทั้งสองฝ่ายมาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน 

โดย-เศกสันติ กัลป์ยาณวิสุทธิ์