กลุ่มผู้ประกอบการเขาค้อบุกถามจังหวัดผ่อนปรนโรงแรม-รีสอร์ต

เวลา 12.00 น.วันที่ 30 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานงาน ที่หน้าศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ กลุ่มผู้ประอบการเขาค้อในเขตพื้นที่ 4 ตำบลของ อ.เขาค้อ ประกอบด้วยกลุ่มโรงแรมรีสอร์ต กลุ่มร้านอาหาร กลุ่มรถสองแถวท่องเที่ยว กลุ่มขายของที่ระลึก กลุ่มพนักงานลูกจ้าง ฯลฯ นำโดยนายวุฒิชัย โรจนทิพยรักษ์ นายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ออกมาเคลื่อนไหวติดตามทวงถามข้อเรียกร้องขอให้ทางจังหวัดเพชรบูรณ์ผ่อนปรนการห้ามโรงแรมรีสอร์ตประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547 เนื่องจากโรงแรมรีสอร์ตใน 4 ตำบลของ อ.เขาค้อ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยกลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้ อ้างว่าได้ผลกระทบขาดรายได้ หากโรงแรมรีสอร์ตใน 4 ตำบลของเขาค้อในเขต 4 ตำบล ได้แก่ ต.เขาค้อ ต.ทุ่งสะดาะพง ต.ริมสีม่วง ต.หนองแม่นา จำนวนหลายร้อยแห่งต้องถูกสั่งระงับการทำกิจการ ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงซึ่งยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัด

นอกจากนี้กลุ่มผู้ประกอบการเขาค้อยังต้องการขอให้ทางจังหวัด ลดความเข้มงวดในหลักการและขั้นตอนการจดแจ้งที่พักไม่เป็นโรงแรม ( ไม่เกิน 20 คน) หลังจากทางอำเภอเขาค้อวางระเบียบและหลักการไว้สูงเกินข้อกำหนดไว้ในกฎหมายโรงแรม ตลอดจนขั้นตอนจดแจ้งมีความล่าช้าเกรงไม่ทันต่อฤดูกาลท่องเที่ยว จึงเรียกร้องขอให้ผู้ประกอบการที่ได้ยื่นจดแจ้งเปิดดำเนินธุรกิจได้ ขณะเดียวกันยังขอทราบความคืบหน้ากรณีรีสอร์ต 457 รายที่ยื่นขอจดแจ้งไว้ตามคำสั่ง คสช.ที่ 6/2562 ให้ถูกต้องตามกฎหมายนิรโทษที่พักโรงแรมรีสอร์ตที่อยู่ในที่ดินที่ไม่สามารถจดแจ้งได้ตามกฎหมายโรงแรม ซึ่งอยู่ระหว่างตีความกฎหมายที่คลุมเครือไม่ชัดเจน

ทั้งนี้นายนิเวศน์ หาญสมุทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ออกมารับหนังสือเรียกร้องจากกลุ่มผู้ประกอบการฯ พร้อมชี้แจงว่า ข้อเรียกร้องทั้งหมดทางจังหวัดได้รวบรวมเสนอไปยังส่วนกลางแล้ว ที่ผ่านมาทางราชการพยายามดูแลพี่น้องประชาชนมาตลอด แต่เกินอำนาจทางผู้ว่าฯจะพิจารณา ในขณะที่มีผู้ประกอบการโต้แย้งว่าผู้ว่าฯเป็นผู้ออกคำสั่งทำไมจะยกเลิกไม่ได้ ซึ่งนายนิเวศน์ได้กล่าวอีกว่า ที่ผู้ว่าฯต้องออกคำสั่งก็เขื่อว่าทุกคนต่างรู้กันดีว่าเพราะอะไร พวกท่านต้องไปคุยกันให้ดีในพื้นที่เขาค้อ ตอนนี้เขาค้อมีปัญหาไม่ใช่เกิดจากจังหวัดไม่ดำเนินการ จังหวัดพยายามดำเนินการแต่ประเด็นของเขาค้อไม่ยุติ

“ก่อนหน้านี้ทุกฝ่ายได้ขอข้อมูลเขาค้อจากจังหวัดไปหมดแล้ว ประเด็นใหญ่คือ 457 รายเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ ห้องพักเกิน 4 ห้องกำลังพิจารณาหาทางแก้ไขให้ ผมเองก็พยายามสอบถามว่าแนวโน้มจะแก้ไขปัญหาออกมาลักษณะไหนก็ยังไม่มีคำตอบ แต่ในฐานะเป็นนักปกครองเชื่อว่าในการพิจารณาไม่มีทางฆ่าประชาชน แต่จะมีเงื่อนไขมีกติกาอย่างไรต้องรอให้ทางส่วนกลางพิจารณาให้สะเด็ดน้ำก่อน”นายนิเวศน์กล่าว
 

นายนิเวศน์กล่าวอีกว่า ปัญหาเขาค้อไม่ได้มีทางราชการพิจารณาเท่านั้น มีการเมืองและหลายส่วนงานเข้ามาเกี่ยวข้อง หากพิจารณาโดยทางราชการจบไปแล้ว เพราะมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะสั่งการลงมาได้ แต่เนื่องจากกฎหมายทุกอย่างต้องเข้าสภา ก็ต้องฟังความทุกฝ่ายทั้งหมด นอกจากเขาค้อมีอีก 76 จังหวัดที่ปัญหาคล้ายคลึงกัน แต่รากเหง้าปัญหาอาจจะแตกต่างกัน แต่สิ่งที่ทางจังหวัดศึกษาและเสนอไป 2 แนวทาง หากออกเป็นการประกอบอาชีพไม่ได้ ก็ขอให้เป็นที่ราชพัสดุก็ยังดี หรือไม่งั้นก็นำไปเข้ามาตรา 16

“ที่ผ่านมาทางจังหวัดได้พยายามติดตามและให้คนเข้าไปหารือแล้ว แต่ประเด็นไม่ใช่อยู่แค่เขาค้อเท่านั้นแต่ทั้งประเทศ ฉะนั้นการที่ท่านบอกอยู่โดยชอบกฎหมายมาตลอด ก็ต้องถามในใจลึกๆท่านสามารถพูดได้เต็มปากหรือไม่ว่าอยู่โดยชอบของกฎหมายมาโดยตลอด ไม่ต้องมาเถียงกันเพราะแต่ท่านรู้ตัวมากกว่าผม”นายนิเวศน์กล่าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวอีกว่า ทิศทางทางจังหวัดพยายามช่วยแต่เราไม่ได้ออกกฎหมาย และออกคำสั่ง คสช.ที่ 6/62 ที่ผ่านมาเราพยายามจะดึงให้เป็นแก่พวกท่าน ฉะนั้นบางอย่างจึงต้องเห็นใจผู้ปฏิบัติ ผู้บังคับบัญชาไปเห็นอาคารสิบขั้น แล้วจะให้ไปบอกเปิดบริการแค่ 4 ห้องเท่านั้น คิดว่าเขาจะเชื่อไหม ทางเจ้าหน้าที่จึงออกแนวทางอะลุ้มอะล่วยเพราะไม่อยากใช้กฎหมาย และพยามยามจะช่วยเหลือในสิ่งที่เป็นไปได้

อย่างไรก็ตามหลังเสร็จสิ้นการยื่นหนังสือเรียกร้องแล้ว ทางกลุ่มผู้ประกอบการเขาค้อดังกล่าวจึงพากันแยกย้ายเดินทางกลับ

โดย -   สุนทร คงวราคม