รีสอร์ทเขาค้อเสียงแตกยังไม่พร้อมล็อกดาวน์

7 มกราคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรีสอร์ท-ร้านค้าบนภูทับเบิก พร้อมใจกันประกาศปิดกิจการล็อคดาวน์ธุรกิจชั่วคราวไปจนถึงสิ้นเดือน ม.ค.นี้ ทำให้เกิดแรงกดดันจากกระแสสังคมซึ่งพากันตั้งคำถามถึงรีสอร์ทบนเขาค้อ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้ ทางผู้ประกอบการรีสอร์ทบนเขาค้อจะมีแนวทางเดียวกันทางภูทับเบิกหรือไม่? 








ซึ่งนายธงชัย กฤตยามงคลชัย นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ กล่าวถึงปมประเด็นนี้ว่า จากการพูดคุยผู้ประกอบการโรงแรมรีสอร์ท ซึ่งเป็นสมาชิกสมาคมฯ ก็ยังอยากจะให้รอดูสถานการณ์ไปอีกสักระยะหนึ่งก่อน แต่หากสถานการณ์การแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ดูแนวโน้มจะลากยาว โดยยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มไม่หยุดก็คงต้องกลับมาพิจารณาทบทวนกันอีกครั้ง

นายธงชัยกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการรีสอร์ทร้านค้าที่ภูทับเบิกประกาศล็อกดาวน์ตัวเองนั้น ยอมรับว่าตอนนี้มีแรงกดดันและสอบถามทางผู้ประกอบการบนเขาค้อเช่นเดียวกัน แต่อยากให้เข้าใจถึงข้อแตกต่าง โดยรีสอร์ทที่ภูทับเบิกมีจำนวนไม่มากเท่าเขาค้อ และขนาดของสถานประกอบการส่วนใหญ่จะเล็กกว่าที่เขาค้ออีกด้วย แต่รีสอร์ทต้องการปิดก็ให้เป็นไปตามความสมัครใจ โดยเฉพาะสถานการณ์เวลานี้ทางผู้ประกอบการต่างมองว่า ทางรัฐบาลยังควบคุมได้อยู่ ขณะเดียวกันที่ จ.เพชรบูรณ์ แม้จะมีผู้ป่วยโควิด 1 รายแต่รักษาหายแล้วและขณะนี้ก็ยังไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งทางจังหวัดมีมาตรการควบคุมที่เข้มข้น

"ตอนนี้ยังมีลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวที่ไม่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงยังมาใช้บริการอยู่ จึงทำให้ผู้ประกอบการเวลานี้รายได้หดหายและลดการเจ็บตัวหรือได้รับผลกระทบน้อยลง ส่วนธุรกิจยังเดินหน้าต่อไปได้บ้าง แต่หากใช้แนวทางเดียวกันกับที่ภูทับเบิก โดยการประกาศปิดหรือล็อคดาวน์ตัวเอง นอกจากรายได้ของโรงแรมรีสอร์ทบนเขาค้อจะหดหายไปหมดแล้ว พนักงานลูกจ้างอีกหลายพันชีวิต อาจต้องตกงานและได้รับผลกระทบหนักตามไปด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ยังลากยาวแบบนี้ต่อไป พวกเราก็พร้อมจะกลับมาประเมินหรือทบทวนกันอีกครั้ง"นายธงชัยกล่าว

ด้านนายวุฒิชัย โรจนทิพยรักษ์ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า การที่รีสอร์ทบนภูทับเบิกประกาศล็อกดาวน์ตัวเอง ส่งผลให้มีแรงกดดันจากสังคมถึงผู้ประกอบการบนเขาค้อค่อนข้างสูง จากการพูดคุยหารือทางสมาชิกสมาคาฯร้อยละ80 ต่างเห็นพ้องเห็นสมควรปิดชั่วคราวเช่นเดียวกัน แต่ให้เป็นไปด้วยความสมัครใจ นอกจากจะเป็นเคลียร์กลุ่มเสี่ยงที่เล็ดรอดเข้ามาพักที่เขาค้อเมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา อย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่า 14 วันแล้ว ยังเป็นการให้ความร่วมมือและสนับสนุนมาตรการคุมเข้มทางภาครัฐ และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ด้านท่องเที่ยวที่ดี ซึ่งผู้ประกอบต่างมีความตระหนักและมีความรับผิดชอบต่อชีวิตและความปลอดภัยของลูกค้าและนักท่องเที่ยวอีกด้วย แต่หากสมาชิกรายใดยังต้องการเปิดกิจการต่อ ก็สามารถทำได้ต่อไปเพราะรัฐบาลยังไม่มีการประกาศล็อกดาวน์










"การปิดกิจการชั่วคราวคงทำให้ได้รับผลกระทบ แต่ผมมองว่าแค่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น แต่หากมองในภาพรวมระยะยาวแล้ว ผู้ประกอบการจะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะเมื่อนักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจและประทับใจถึงความตระหนักของผู้ประกอบการแล้ว ก็จะพากันแห่กลับมาเที่ยวและใช้บริการอีกอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันทางผู้ประกอบการส่วนใหญ่เอง ก็ไม่มั่นใจว่าจะมีลูกค้าติดโควิดเล็ดรอดมาใช้บริการอีกหรือไม่ ตอนมาก็ยังไม่เป็นแต่ตอนกลับตรวจพบติดโควิด เหมือนกรณีนักท่องเที่ยวติดโควิดมาเที่ยวเพชรบูรณ์ก่อนหน้านี้ 2 ราย  เพราะหากชื่อรีสอร์ทไปโผล่ในไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโควิดเหล่านี้ กิจการคงทรุดหนักและยังอาจตกเป็นจำเลยของสังคมอีกด้วย"

นายวุฒชัยกล่าวอีกว่า มีสมาชิกฯแจ้งว่าหลังเกิดเหตุการณ์เคส 2 นักท่องเที่ยวติดโควิดมาเที่ยวและคักค้างคืนที่ภูทับเบิก ทำให้ผู้ประกอบการที่เขาค้อก็พากันจิตตกเหมือนกัน และพยายามสกรีนลูกค้าที่จะเข้าพัก แต่ก็ยังพบว่ามีลูกค้าซึ่งเข้าใจว่ามาจากพื้นที่เสี่ยงจะมาเข้าพัก เมื่อพนักงานขอดูเอกสารประจำตัวก็ถูกปฏิเสธ ขณะเดียวลูกค้ายังอ้างว่าจะขอไปพักที่รีสอร์ทอื่นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวจากพื้นที่สีแดงเข้าเที่ยวที่เขาค้อ แต่ถูกชาวโซเชียลช่วยกันตรวจสอบพบ กระทั่งสามารถสกัดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ต้องยอมเดินทางกลับโดยทันที ฉะนั้นหากทุกคนต่างตื่นตัวและให้ความร่วมมือกันทุกฝ่ายเพื่อช่วยกันเซฟเพชรบูรณ์ คิดว่าเราน่าจะผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้แน่นอน