เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของเมืองสุโขทัย โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.สุโขทัย ที่มีหลายหมู่บ้านได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ยังมีวัดในพื้นที่เขตเมืองสุโขทัยได้รับผลกระทบจำนวนหลายวัด
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พร้อมมูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก ไปสำรวจความเสียหาย ที่วัดกำแพงงาม ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.สุโขทัย พบว่าภายในวักมีน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ทำให้ทุกสิ่งปลูกสร้างภายในวัดถูกน้ำท่วมเกือบทั้งหมด ที่ได้รับเสียหายมากที่สุด คือ พระอุโบสถ อายุกว่า 70 ปี ที่ถูกน้ำท่วมเข้าไปถึงภายในพระอุโบสถ ทำให้พระสงฆ์และเณร ต้องยกสิ่งของสำคัญ รวมถึงวัตถุมงคลอายุเก่าแก่เก็บไว้บนที่สูง
พระปลัดดิเรก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกำแพงงาม เปิดเผยว่า ขณะนี้วัดกำแพงงามได้รับเสียหายเกือบทั้งหมด ที่หนักที่สุดคือพระอุโบสถ ที่มีน้ำท่วมขังสูงทำให้วอลเปเปอร์ที่ทางวัดติดไว้ในอุโบสถ เกิดความเสียหายมูลค่ารวมกว่า 2 แสนบาท ส่วนพระพุทธรูปโบราณอายุกว่า 700 ปี ยังไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากว่าตัวฐานมีการออกแบบไว้สูง เนื่องจากพื้นที่ถูกน้ำท่วมเกือบทุกปี แต่ในปีนี้หนักที่สุด เนื่องจากผนังดินหลังวัดแตก ทำให้น้ำทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนพระสงฆ์และเณรต่างอาศัยอยู่บนกุฏิ ด้านความช่วยเหลือต่างๆ ทางพระสงฆ์จะนำเรือออกไปรอรับถุงยังชีพข้าวกล่อง ที่หน้าประตูวัด ขณะนี้ที่ห่วง คือ วัดพลายชุมพล ที่อยู่ในหมู่บ้านด้านหลังน้ำท่วมสูงและไหลเชี่ยว เข้าถึงยากลำบากมากกว่าวัดกำแพงงาม
พระครูสุเมธพัฒโนทัย เจ้าคณะอำเภอเมืองสุโขทัย เปิดเผยว่า ในขณะนี้วัดในตัวเมืองสุโขทัย มีวัดที่ได้รับผลกระทบจำนวน 7 วัด พระสงฆ์และเณรติดอยู่ในวัดเกือบ 200 รูป จุดที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือวัดกำแพงงาม และวัดพลายชุมพล ที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ มีน้ำท่วมสูงและไหลเชี่ยว พระและเณรไม่สามารถออกมานอกวัดได้ ทาเจ้าคณะจังหวัดได้มีการประสานส่งความช่วยเหลือเข้าไปในทุกช่องทาง ทั้งการนำส่งข้าวสารอาหารแห้งเข้าไปช่วยเหลือ รวมถึงข้าวกล่อง ที่จะช่วยเหลือทั้งหมดวันละ 200 ชุด การนำเข้าไปจะประสานหน่วยกู้ภัยและปภ. เข้าไปนำส่ง ขณะนี้รอให้สถานการณ์น้ำคลี่คลาย จะมีการเข้าไปสำรวจความเสียหายพร้อมกับสำนักพระพุทธศาสนาและกรมศิลปากร ด้านการเยียวยาทางมหาเถรสมาคม ได้มีระเบียบช่วยเหลือเยียวยาพระสงฆ์อยู่แล้ว ทางเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัยจะมีการประสานงานกับมหาเถรสมาคมต่อไป
ขณะที่ ดร.ชวดี โกศล ผู้จัดการแผนกวิจัย และประเมินผล สายการปฎิบัติงานภัยพิบัติ มูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก ได้นำคณะทำงานเข้าสำรวจความเสียหายในพื้นที่ ต.บ้านกล้วย ที่ได้รับความเสียหาย ทั้ง ชุมชน โรงเรียนบ้านกล้วย และวัดภายในพื้นที่ ต.บ้านกล้วย เพื่อเก็บข้อมูลประกอบการประเมิน ในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่
ดร.ชวดี โกศล กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สำรวจพบว่า น้ำท่วมครั้งนี้สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างมีประชาชนได้รับผลกระทบหลายพันหลังคาเรือน โดยจุดที่หนักที่สุดคือ ชุมชนหลังวัดกำแพงงามมีน้ำท่วมสูงและไหลเชี่ยว ประชาชนไม่สามารถออกมาขอรับความช่วยเหลือจากภายนอกได้ จึงจำเป็นต้องมีการประสานหน่วยกู้ภัยเข้าไปช่วยเหลือ พร้อมทั้งสำรวจความเดือดร้อนทั้งหมด เพื่อนำไปวางแผนในการนำความช่วยเหลือเข้ามาในวันต่อไป ทั้งถุงยังชีพและอาหารจากโรงครัวพระราชทาน ดำเนินการโดยมูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก เพื่อให้ผู้ที่เดือดร้อนสามารถเข้าถึงยารักษาโรคที่จำเป็นและอาหารจนกว่า สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ปกติ
โดย เกรียงไกร รัตนา / ศูนย์ข่าวภาคเหนือ
--------