วันที่ 21 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีกระแสข่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะมีการปรับเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุ ที่จ่ายให้กลุ่มที่มีการสำรวจพิสูจน์ทราบว่ายากจนจริง และมีการคัดเอาผู้สูงอายุบางกลุ่มออก แต่ล่าสุด นางสุจิตรา พิทยานรเศรษฐ์ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ยืนยันว่าจะยังไม่มีการปรับเกณฑ์ดังกล่าว โดยจะทำการจ่ายเงินผู้สูงอายุตามระเบียบเดิม
ทีมข่าวเนชั่นทีวีได้ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของผู้สูงอายุในพื้นที่บ้านหนองสี่แจ่ง ม.8 ต.หนองแฝก อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว โดยนางสุแก้ว พรกมมา อายุ 74 ปี กล่าวว่า ตนเองได้รับเงินผู้สูงอายุเดือนละ 700 บาท ซึ่งส่วนใหญ่นำมาใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากลูกหลานไปทำงานนอกบ้าน แต่รายได้ไม่ได้มีมากพอที่จะล่วยส่งเสียดูแล เนื่องจาดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รายได้ของลูกหลานลดลง ตนเองไม่อยากไปรบกวนลูกหลาน ถ้าถามว่าเงิน 700 บาทพอหรือไม่ในแต่ละเดือน อย่างที่ทราบกันดีว่าค่าครองชีพปัจจุบันสูงขึ้น แม้ว่าจะอยู่ในชนบท แต่รายจ่ายอื่นยังมีอยู่ ถ้าเป็นไปได้อยากจะขอเพิ่มเป็นเดือนละ 1,000 บาท ส่วนเกณฑ์ใหม่ที่เป็นข่าวถ้ามีการปรับจริงตนเองคิดว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่เดือดร้อนแน่ๆ
ด้านนายบัวหลง อินต๊ะ อายุ 83 ปี กล่าวว่า เงินผู้สูงอายุช่วยได้ไม่มากในแต่ละเดือน ตนเองอยู่บ้านหาประกอบอาชีพอะไรไม่ได้มากเพราะอายุมากแล้ว ส่วนลูกหลานมีครอบครัวเป็นของตนเอง ในสภาวะการระบาดของเชื้อโควิด-19 เศรษฐกิจอาจฝืดเคืองลูกหลานเองอาจลำบากเหมือนกัน เงินผู้สูงอายุจะมาช่วยเหลือตนเอง ตนเองมีค่าใช้จ่ายหลายอย่างทั้งการดูแลสุนัข ค่ากินค่าอยู่ก็หลายพันบาท ลำพังเงินผู้สูงอายุเดือนละ 800 บาท หากหักค่าสมาชิกฌาปนกิจศพประจำหมู่บ้าน เดือนไหนมีคนตายมากก็ถูกหักมาก ถึงแม้จะถูกหักทุกเดือน แต่เป็นการออมเงินไว้ให้ลูกหลานไว้ใช้จัดงานศพให้ตนเองหากเสียชีวิตในอนาคต ฝากจะฝากรัฐบาลช่วยพิจารณาเพิ่มเงินผู้สูงอายุ ให้มากขึ้นตามเศรษฐกิจที่ค่าครองชีพสูงขึ้นด้วย
ภาพ/ข่าว เกรียงไกร รัตนา