ซาอีด คาติบซาเดห์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน แถลงว่า รายงานของนิวยอร์ก ไทม์ส ที่อ้างว่า "โมห์เซน ฟาครีซาเดห์" นักวิทยาศาสตร์และนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ ผู้ได้รับฉายาว่า "บิดาแห่งโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน" ถูกลอบสังหารโดยหน่วย "มอสสาด" ของอิสราเอล
โดยใช้ปืนกลซุ่มยิงที่ควบคุมด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากระยะไกลนั้น ไม่เป็นความจริง และอ้างว่า หน่วยข่าวกรองของอิหร่านมีรายละเอียดทั้งหมด รวมทั้งคนที่เกี่ยวข้องด้วย
New York Times ระบุว่า ได้ข้อมูลจากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ, อิสราเอลและอิหร่าน ที่รวมทั้ง "หน่วยข่าวกรอง 2 คน ที่รู้รายละเอียดของแผนปฏิบัติการลอบสังหาร" โดยสายลับอิหร่าน ที่ทำงานให้หน่วยมอสสาด ได้นำรถกระบะยี่ห้อ "Nissan Zamyad" สีน้ำเงิน ไปจอดไว้ข้างถนนที่เชื่อมกับเมืองอับซาร์ดกับทางหลวงสายหลัก ซึ่งอยู่ในจุดที่มองเห็นยานพาหนะที่วิ่งเข้ามา และสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าใบกันน้ำท้ายรถและลวงตาว่าเป็นวัสดุก่อสร้างคือ ปืนกลซุ่มยิง "FN MAG" ผลิตโดยเบลเยียม ขนาดลำกล้อง "7.62 มม."
ติดตั้งไว้กับหุ่นยนต์และควบคุมระยะไกลโดย AI ที่อยู่ห่างออกไปกว่า 1,600 กม. และช่วงเวลาถึงฆาตของฟาครีซาเดห์ คือราว 13.00 น. เมื่อทีมสังหาร ได้รับสัญญาณว่าเขากับภรรยาเดินทางมาพร้อมกับองครักษ์ติดอาวุธ และขบวนกับรถคุ้มกัน เพื่อมุ่งหน้าไปยังบ้านพักหลังที่ 2 ซึ่งภารกิจทั้งหมด อยู่ภายใต้การควบคุมระยะไกลและทีมควบคุมภารกิจ ได้ถอนตัวออกจากอิหร่านทันทีที่เป้าหมายถูกปลิดชีพ
อิสราเอล ต้องการสังหารฟาครีซาเดห์ มา 14 ปีแล้ว และเตรียมจะลงมือที่กรุงเตหะราน เมื่อปี 2552 แต่ต้องยกเลิกในนาทีสุดท้าย ก่อนประสบความสำเร็จโดยอาศัย "หุ่นยนต์สังหาร" (Killer robot) เมื่อเดือนพฤศจิกาย ปี 2563 ซึ่ง New York Times ระบุว่าความสำเร็จของภารกิจมาจาก "การวางแผนและการเฝ้าระวังอย่างครอบคลุมโดยมอสสาด" ส่วนกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน ล้มเหลวในการรักษาความปลอดภัยและผิดที่ตัวฟาครีซาเดห์ ที่ไม่ยอมให้ใช้มาตรการที่เหมาะสมในการป้องกันตัวเองจากการถูกลอบสังหาร
ขณะเดียวกันก็เป็น "การแจ้งเกิด" ที่ผ่านการทดสอบของ "นักแม่นปืน" ที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์และ AI เข้ามาช่วย ซึ่งต้องอาศัย "ตา" ของกล้องหลายตัวที่รับสัญญาณผ่านดาวเทียม และศักยภาพในการยิงกระสุน 600 นัดใน 1 นาที ที่ถือเป็นการ "reshape" วงการจารกรรมโลกเลยทีเดียว