17 กันยายน 2564 ที่เขื่อนราษีไศล อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ภายหลังจากที่จังหวัดศรีสะเกษ ให้มีมติอนุญาตเปิดประตูระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำ นับตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2564 จำนวน 3 บานประตู และค่อยๆ เปิดระบายน้ำเพิ่มขึ้น โดยในวันนี้เปิดเพิ่ม เป็น 5 บานประตู เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากอ่างของเขื่อน ภายหลังจากที่พบว่ามีฝนตกหนักมาอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ และยังมีมวลน้ำจากเขื่อนลำตะคลอง จากนครราชสีมา ที่กำลังถูกระบายออกมาตามลำน้ำมูล ซึ่งเชื่อว่ามวลน้ำจะเดินทางมาถึงอีกราว 5 – 7 วัน โดยในวันนี้ 17 กันยายน 2564 เขื่อนราษีไศล
จึงประกาศแจ้งเตือนพี่น้องประชาชน ที่อยู่ใต้ลำน้ำมูลหลังประตูเขื่อนราษีไศล โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรที่ทำนาปรัง จะได้รับทราบสภาวะน้ำตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมเร่งระบายน้ำ ค่อยๆ ยกบานประตูเขื่อนให้ครบทั้ง 7 บาน โดยวันนี้ ยกแล้ว 5 บานประตู เฉลี่ยบานละ 0.40 เมตร ปริมาณการไหลออกของน้ำ จำนวน 155,252 ลูกบาตรเมตร ต่อ วินาที หรือ 13.414 ล้านลูกบาตรเมตร ต่อ วัน ขณะเดียวกันพี่น้องเกษตรกรที่ทำนาข้าว ข้าวนาปรัง กว่า 300 ไร่ ต้องมาเร่งเก็บเกี่ยวข้าวออกจากแปลง แม้ว่าข้าวจะยังไม่สุกแก่เต็มที่ก็ตาม แต่ก็ดีกว่า ปล่อยให้น้ำท่วมต้นข้าว กว่า 300 ไร่ เสียหายทั้งหมด
นางจันทร์สุดา อาจสาลี อายุ 46 ปี เกษตรกรที่ทำข้าวนาปรัง จากหมู่บ้านโนนตุ่น ตำบลบัวหุ่ง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า วันนี้พวกเราได้มาเกี่ยวข้าว เพราะระยะนี้มีมรสุมพัดนำฝนตกมาตลอด ประกอบกับเขื่อนราษีไศล ก็เปิดประตูระบายน้ำออกมา กลัวว่าน้ำจะมาท่วมข้าวนาปรัง ก็เลยพากันมาเร่งเก็บเกี่ยวข้าว ก่อนที่มวลน้ำจะมาท่วมข้าวนาปรังเสียหายหมดก่อน โดยเกษตรกรมีการทำนาก็คนละ 2 – 3 ไร่ มากสุดก็คือ 5 ไร่ รวมๆ แล้ว แถบนี้มีเกษตรกรที่ทำข้าวนาปรัง กว่า 300 ไร่ ซึ่งการทำนาปรังส่วนใหญ่ตอนนี้จะทำข้าวเหนียวนาปรังกัน เพราะอายุสั้น เก็บเกี่ยวทันต่อมวลน้ำที่จะมาทุกๆ ปี แต่ปีนี้น้ำมาเร็ว ข้าวยังไม่แก่หรือสุกเต็มที่ แต่ก็ต้องมาเก็บเกี่ยวก่อน เพราะเชื่อว่า หากปล่อยข้าวไว้ อีก ระยะ 2 – 3 วันจากนี้ น้ำอาจจะท่วมข้าวนาปรังแถบนี้หมดก็ได้ เพราะน้ำเริ่มไหลเข้ามาในแก่ง ปากน้ำเข้าทุ่งนาแล้ว
โดย - พงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์