นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แถลงผลการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ว่า ที่ประชุมยังให้คงสถานการณ์ในพื้นที่ ตามโซนสีโดยพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) คงไว้ที่ 29 จังหวัด , พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 37 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 11 จังหวัด และให้คงมาตรการป้องกันควบคุมโรคตามระดับพื้นที่ตามข้อกำหนดฉบับที่ 32 จนถึง 30 กันยายน 2564
ขณะเดียวกันให้คงมาตรการเคอร์ฟิว - เวิร์คฟอร์มโฮม ควบคุมการเดินทาง มาตรการองค์กรด้วย COVID-FREE Setting ปิดสถานที่ต่างๆให้ประชาชนปฏิบัติมาตรการ Universal Prevention และการตรวจคัดกรองแบบ ATK
นพ.ทวีศิลป์ ยืนยัน ไทยยังอยู่บนเงื่อนไขการคาดการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่ ว่า มาตรการล็อกดาวน์ จะส่งผลให้ภาพรวมผู้ติดเชื้อลดลง 25% แต่หากผ่อนคลายมาตรการทั้งหมดในเดือนตุลาคม อาจทำให้ตัวลขผู้ติดเชื้อพุ่งไปที่ 3 หมื่นคนต่อวัน จึงส่งผลให้ยังคงมาตรการเดิมต่อไป
ที่ประชุม ศบค. ยังเห็นชอบแผนการจัดหาวัคซีนในประเทศไทย เดือนตุลาคม 2564 จำนวน 24 ล้านโดส แบ่งเป็น ซิโนแวค 6 ล้านโดส,แอสตราเซเนกา 10 ล้านโดส ,ไฟเซอร์ 8 ล้านโดส และวางแผนให้วัคซีน 152.9 ล้านโดส ในสิ้นปี 2564 ในจำนวนนี้มีทั้งวัคซีนที่รัฐบาลจัดซีนและวัคซีนที่ได้รับบริจาค
และนับตั้งแต่ 27 ก.ย.-31 ต.ค. กลุ่มนักเรียนอายุระหว่าง 12-17 ปี ทั่วประเทศ จะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม เว้นห่างกัน 3-4 สัปดาห์ รวม 4.8 ล้านโดส และผู้ที่ได้รับวัคซีน ซิโนแวค ครบ 2 เข็ม ต้องการกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีนแอสตราเซเนกา หรือ ไฟเซอร์ 5 แสนโดส