หนุ่มแวะปลดทุกข์พลัดตกหน้าผา รอดตายปาฎิหาริย์

6 กันยายน 2564 เมื่อเวลา 03.35 น. นายจักรพงษ์ ประเสริฐสกุลพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดชุมพร พร้อมพวกรวม 3 นายพร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิตเข้าช่วยเหลือนักท่องเที่ยวพลัดตกหน้าผา เป็นเหวลึกกว่า 100 เมตร บริเวณจุดชมวิว หน้าศาลกรมหลวงชุมพร "บ้านหัวเขาถ่าน" หมู่ 8 ตำบลท่าหิน อ.สวี จ.ชุมพร โดยมีหน่วยกู้ชีพ รพ.ทุ่งตะโกและกู้ชีพกู้ภัยมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์(สายชลชุมพร)เขตสวี อยู่ในที่เกิดเหตุ

พบว่าหน้าผาจุดชมวิวดังกล่าวอยู่ริมถนนสายบ้านท้องเกร็ง-อ่าวมะม่วง รอยต่อระหว่างตำบลท่าหินอ.สวี และอำเภอทุ่งตะโก มองลงไปเป็นเหวลึกถึงก้นเหวประมาณ 100 เมตรริมหน้าผามีความยาวตลอดแนวประมาณ 150-200 เมตรมีต้นไม้เล็กใหญ่ขึ้นปกคลุมโดยไม่มีที่กั้นหรือป้ายเตือนเห็นชัดเจน ณ จุดดังกล่าวพบว่านักท่องเที่ยวที่พลัดตกลงไปติดอยู่กับกิ่งต้นไม้ที่มีความลึกลงไปประมาณ 30 เมตรส่งเสียงขอความช่วยเหลือเป็นระยะและตะโกนบอกว่าปลอดภัยดี

โดยมีนายนิติ บัวลอย อายุ 24 ปี ชาวหมู่ 3 ตำบลเขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพร และน้องชายวัย 20 ปีอยู่ในที่เกิดเหตุ เล่าให้ฟังว่า คนที่พลัดตกไปคือนายสุรวงศ์ บัวลอย อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นญาติกันเดินทางมากับรถยนต์เก๋งจากตัวอำเภอสวีมุ่งหน้าจะกลับบ้านที่ตำบลเขาทะลุโดยใช้ถนนเลียบชายทะเลแวะจุดชมวิวเพื่อชมบรรยากาศยามค่ำคืนของท้องทะเลตั้งแต่ช่วงประมาณ 23.00 น.หรือ 5 ทุ่มของคืนที่ผ่านมา จู่ๆนายสุรวงศ์ ก็พลัดตกหน้าผาหายไปแต่รอดปาฏิหาริย์ไปติดอยู่กับกิ่งไม้ก่อนถึงก้นเหวส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจึงโทรศัพท์แจ้งหน่วยกู้ภัยฯ

ต่อมาพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดชุมพรได้ใช้สริงโรยตัวลงไปใช้เวลาประมาณ 20 นาที สามารถช่วยนายสุรวงศ์ขึ้นมาจากเหวได้อย่างปลอดภัยโดยมีรอยถลอกบริเวณแผ่นหลัง แขนขวาและรอยขีดข่วนจากกิ่งไม้ทั่วร่างกายนายสุรวงศ์ เล่าเหตุการณ์ระทึกให้ฟังว่า ตนเห็นว่าจุดชมวิวมีทิวทัศน์สวยงามจึงแวะเที่ยวสักพักปวดท้องฉี่และเห็นว่าจุดที่ยืนอยู่มันไม่เหมาะเลยเดินริมหน้าผาเพื่อไปอีกจุดที่เป็นหน้าผาแหลมยื่นออกไปแต่มีต้นไม้ปกคลุมระหว่างเดินมืดมองไม่เห็นว่าหน้าผาจุดดังกล่าวมันมีส่วนโค้งว้าวเดินเพียง 4ก้าวเท่านั้นจึงพลัดร่างกลิ้งลงไปขาติดอยู่กับต้นไม้

หลังจากกู้ภัยทำแผลให้เบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลให้แพทย์ตรวจเช็คร่างกายอีกครั้งนายสุรวงศ์ก็ได้เดินไปยกมือไหว้ขอบคุณทีมพนักงานปภ.และกู้ภัยด้วยพร้อมเตือนว่าคราวหลังต้องระมัดระวังให้มากยิ่งเวลายามค่ำคืน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวโชคดีที่ไม่มีการสูญเสียถึงชีวิตส่วนหนึ่งมีความเชื่อว่าที่รอดปลอดภัยมาได้เพราะความศักดิ์สิทธิ์เกิดปาฏิหาริย์ของเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรด้วยหรือไม่เพราะมีศาลอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ.

ภาพ/ข่าว โดย:
ประสิทธิ์ ลีฬหคุณากร จ.ชุมพร