svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ดร.ปริญญา"โพสต์เรื่องจริงกฎหมายไม่ให้เปิดกรุ"พล.อ.ประยุทธ์"

05 กันยายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ดร.ปริญญา" โพสต์ 7 ปีผ่านไป ประเทศไทยได้ระบบที่ #นายกรัฐมนตรีไม่ถูกตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน เขียนไว้ให้ ป.ป.ช.ไปตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้จริงๆ ครับ โดยมาตรา 105 วรรคสี่ ระบุชัด

ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ค Prinya Thaewanarumitkul ว่า  การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันท์โอชา โดนข้อกล่าวหามากมายอย่างที่แทบไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีคนไหนเคยเจอมาก่อน แต่เรื่องที่ผมเห็นว่าน่าจะร้ายแรงที่สุด แล้วอาจจะยังไม่ได้มีการพูดถึงมากนักในการอภิปรายครั้งนี้ คือเรื่อง #การทำลายหลักการตรวจสอบถ่วงดุล และ #ความโปร่งใสของระบบการเมืองของประเทศ ครับ

 

ที่ชัดเจนที่สุดคือ การที่ ป.ป.ช.ไม่เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของพลเอกประยุทธ์ ตอนที่มาเป็นนายกรัฐมนตรี ในครั้งที่สอง หลังการเลือกตั้งในปี 2562 โดยประธาน ป.ป.ช. (พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ) ชี้แจงว่า เพราะกฎหมาย ป.ป.ช. ฉบับใหม่ไม่ได้ให้อำนาจ ป.ป.ช.ไปตรวจสอบ

 

ทีแรกผมสงสัยว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. พ.ศ.2561 ที่ร่างโดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และให้ความเห็นชอบโดย สนช. ที่เลือกมาโดยพลเอกประยุทธ์ จะเขียนชัดเขียนไว้ชัดเจนอย่างนั้นเชียวหรือ เพราะดูจะน่าเกลียดเกินไป ผมจึงไปเปิดดูแล้วก็พบว่า เขียนไว้ให้ ป.ป.ช.ไปตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้จริงๆ ครับ

 

โดยมาตรา 105 วรรคสี่ กำหนดว่า ถ้าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคนใดพ้นตำแหน่ง แต่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรง “ตำแหน่งเดิม” หรือ “ตำแหน่งใหม่” ภายในหนี่งเดือน ผู้นั้นไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน โดยมีประโยคปิดท้ายว่า “แต่ไม่ต้องห้ามที่ผู้นั้นจะยื่นเพื่อเป็นหลักฐาน” คือไม่บังคับให้ยื่น แต่ถ้าอยากยื่นก็ยื่นได้ ว่าง่ายๆ คือขึ้นอยู่กับอำเภอใจของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองผู้นั้นว่าอยากจะยื่นหรือไม่ ซึ่งเป็นการเขียนกฎหมายที่ดูจะเอาใจผู้มีอำนาจจนน่าเกลียด
 

นี่เองทำให้ ป.ป.ช.ไปตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินพลเอกประยุทธ์ ตอนที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง รวมถึงรัฐมนตรีอีกบางคน และ ส.ว.จำนวนมากที่เป็น สนช. ไม่ได้ครับ

 

โดยหลักความโปร่งใส และหลักการที่ผู้บริหารบ้านเมืองจะต้องถูกตรวจสอบได้นั้น ใครยิ่งอยู่นาน ยิ่งเป็นหลายสมัย ยิ่งต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน แต่ภายใต้กฎหมาย ป.ป.ช. ฉบับใหม่กลับตรงกันข้าม เพราะยิ่งเป็นต่อ ยิ่งเป็นหลายสมัยยิ่งตรวจสอบไม่ได้ นี่จึงทำให้ผมใช้คำว่าน่าประหลาด เพราะนอกจากจะตรงข้ามกับหลักการ แล้วยังเขียนไว้ตรงๆ แบบไม่ค่อยเกรงใจประชาชนเลย 

 

แต่แม้ว่าจะไม่ได้บังคับให้ยื่นบัญชีทรัพย์ แต่ถ้าจะยื่นเพื่อเป็นหลักฐานก็ยื่นได้ ซึ่งเท่าที่เราทราบกันคือพลเอกประยุทธ์ ก็ได้ยื่นให้ ป.ป.ช.แล้ว และก็มีคนไปขอคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารให้สั่ง ป.ป.ช.ให้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินพลเอกประยุทธ์ ซึ่งคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารเห็นว่าเป็นข้อมูลสาธารณะ เมื่อสมัครใจยื่นมาแล้ว มีคนขอดูก็ควรเปิดให้ดูได้ แต่ ป.ป.ช. ก็ไม่ยอมเปิดเผยโดยประธาน ป.ป.ช.อ้างว่าไม่มีอำนาจ

 

ซึ่งอันนี้ก็ไม่น่าประหลาดใจ เพราะองค์กรอิสระทั้งหลายที่รัฐธรรมนูญ 2540 สถาปนาขึ้นมาให้มาตรวจสอบรัฐบาล ตอนนี้ก็กลายเป็นองค์กรที่ไม่ค่อยมีใครเชื่อว่าเป็นอิสระ เพราะล้วนแต่มีที่มาที่ยึดโยงกับพลเอกประยุทธ์ คือมาจาก สนช. และ ส.ว.ที่พลเอกประยุทธ์ เลือกไว้ทั้งสิ้น

ไม่ต้องพูดถึงกระบวนการยุติธรรมที่ต้นทางคือตำรวจ ซึ่งเป็นผู้ปราบปราม จับกุม และตั้งข้อหา ที่อยู่ใต้อำนาจนายกรัฐมนตรีตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ โดย 7 ปีที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีไม่ยอมแก้ไขหรือปฏิรูปอะไรเลย 

 

ที่เมื่อ 7 ปีที่แล้วพูดกันว่าจะต้อง “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” จนทำให้พลเอกประยุทธ์ ยึดอำนาจได้ และมีอำนาจมาจนทุกวันนี้ น่าจะสรุปกันได้เสียทีแล้วว่าเหลว แล้วยิ่งจะอยู่นานไปทั้งการเมืองและบ้านเมืองดูท่าจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่

 

7 ที่แล้วมีการพูดว่า ชัตดาวน์กรุงเทพเพื่อจะรีสตาร์ทประเทศไทย ผมว่าตอนนี้ถ้าจะรีสตาร์ทประเทศไทยที่เสียหายมา 7 ปีแล้ว จะยืมคำ 7 ปีที่แล้วมาใช้ว่า ต้องชัตดาวน์พลเอกประยุทธ์ ก็ดูก็จะแรงเกินไป จึงขอใช้คำว่า ชัตดาวน์ คสช. คือปิดสวิทช์ คสช.ให้จบไป ทั้งนี้ในวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญนะครับ ประเทศไทยและประชาธิปไตยจะได้ฟื้นตัวเสียที

 

ในการลงมติหลังการอภิปรายครั้งนี้ ท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรไม่ว่าจะสังกัดพรรคไหนก็สามารถช่วยกันปิดสวิทช์ คสช.ได้ หรือจะเรียกว่าเป็นการก้าวข้ามพลเอกประยุทธ์ก็ได้ เพื่อประเทศไทยจะได้มีโอกาสเริ่มต้นใหม่ครับ 
#อภิปรายไม่ไว้วางใจ

logoline