ศึกครั้งสุดท้าย? “ในสภา-นอกสภา-นอกประเทศ”

สาเหตุเป็นเพราะสถานการณ์และคะแนนนิยมของรัฐบาลในช่วงนี้ ถือว่าตกต่ำที่สุด ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำทีม คสช. เข้าควบคุมอำนาจการปกครองเมื่อปี 57 เป็นต้นมา ขณะเดียวกันก็มีความขัดแย้ง แตกแยกภายใน ทั้งในพรรคร่วมรัฐบาล และภายในพรรคพลังประชารัฐ

ศึกซักฟอกหนนี้ จึงเดินเกมทั้งในสภา นอกสภา และนอกประเทศ ส่งหนังสือเรียกร้องต่างชาติให้เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทยกันเลยทีเดียว

เริ่มจาก "ในสภา" การอภิรปายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน มีข่าวว่าจะเปิดประเด็นทุจริต ซ้ำเติมความล้มเหลวการแก้ไขปัญหาโควิด เพื่อตอกย้ำความรู้สึกของประชาชน

ส่วน "นอกสภา" จะมีการชุมนุมของหลายกลุ่ม ทั้งเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ที่มาขออนุญาตใช้พื้นที่หน้าสภาแล้ว เริ่มชุมนุมวันที่ 1 ก.ย. กลุ่มนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ และคนเสื้อแดง นัดวันที่ 2 ก.ย. ณ แยกอโศก

โดยการชุมนุมจะเป็นการ "ม็อบใหญ่และยืดเยื้อ" ปิดพื้นที่ย่านเศรษฐกิจกลางกรุงเทพฯ แบบที่กลุ่มเสื้อแดง เคยทำมาแล้วเมื่อปี 53 และน่าจะมีการชุมนุมในจังหวัดด้วย

กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัดวันที่ 3 ก.ย. ส่วนวันที่ 4 ก.ย. จะเป็นกลุ่มเยาวชนปลดแอก นัดกันที่สวนลุมพินี ข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงระบุว่า ขณะนี้กำลังเร่งระดมคนให้มีจำนวนมากที่สุด

นอกจากนั้นยังมี "นอกประเทศ" คือเครือข่ายในต่างประเทศ ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลประเทศต่างๆ รวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศ ให้เข้ามาแทรกแซงตรวจสอบการเมืองไทย

ขณะที่ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร หรือ "พี่โทนี่" ก็เตรียมเปิดอภิปรายรัฐบาลจาก "ดูไบ" เพื่อเร่งกระแสให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น

สาเหตุที่ทุกกลุ่มต้อง "เร่งเครื่องเต็มสูบ" ในช่วงนี้ ก็เพราะสถานการณ์โควิดกำลังดีขึ้น ยอดผู้ติดเชื้อลดจำนวนลง และรัฐบาลเริ่มคลายล็อก คลายมาตรการ ถึงขั้นเตรียมเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แล้วใช้พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ แทน ซึ่งจะส่งสัญญาณบวกไปทั่วโลกว่าไทยคุมโควิดได้

เมื่อเปิดให้คนทำมาหากินได้ปกติ จากที่ปิดเมืองมานาน ประชาชนก็จะไม่ให้ความสนใจกับม็อบ ขณะที่ร่างพ.ร.บ.รายจ่ายประจำปี 2565 ก็ใกล้ผ่านวุฒิสภา ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้มีผลบังคับใช้

สำหรับการโยกย้ายทหาร ตำรวจ มหาดไทย ก็ผ่านไปแล้ว ฉะนั้นกลุ่มต้านรัฐบาลจึงต้องฉวยโอกาสนี้ เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อล้มรัฐบาลให้ได้ เพราะหากปล่อยให้รอดไปได้ รัฐบาลอาจอยู่ยาวถึงครบวาระ