หลังจากจำนวนผู้ได้รับเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่การระบาดสูงสุดเริ่มลดจำนวนลง แต่ในหลาย ๆ จังหวัดสถานการณ์จำนวนผู้ได้รับเชื้อโควิด-19 กลับยังคงเพิ่มจำนวนสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเนื่องจากมีผู้ได้รับเชื้อจากกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นที่เป็นพื้นที่ความเสี่ยงสูง ทยอยเดินทางเพื่อกลับมาพักรักษาตัวในภูทิลำเนาของตนเอง
นายเสกสรร สิงห์ทร ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์จำนวนผู้ได้รับเชื้อโควิด-19 ว่า จังหวัดเชียงรายเรามีโครงการ “ฮับคนเจียงฮายปิ๊กบ้าน” ให้ความช่วยเหลือพี่น้องที่ไปทำงานในเมืองใหญ่ที่ได้รับเชื้อโควิด-19 จากยอดการลงทะเบียนผู้ได้รับเชื้อที่ต้องการเดินทางกลับมารักษาตัวที่พุ่งสูงขึ้นมาก รวมถึงอีกจำนวนมากที่เดินทางกลับมายังภูมิลำเนาโดยไม่มีการแจ้งหน่วยงานเฝ้าระวัง ส่งผลให้เกิดปัญหาจำนวนเตียงไม่สามารถรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน รวมถึงความไม่พร้อมด้านปัจจัยจำเป็นต่าง ๆ สำหรับการดูแลผู้ป่วยด้วย ซึ่งสถานการณ์เดียวกันนี้ยังเกิดขึ้นกับอีกหลายจังหวัดในภาคเหนือด้วย
กระนั้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับเชื้อ รวมถึงเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อไปสู่เด็กและบุคคลใกล้ชิดในครอบครัว มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชนฯ ได้ร่วมกับ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และภาคีเครือข่ายในชุมชน ร่วมกันจัดตั้ง “ศูนย์พักคอยชุมชน” เพื่อให้การดูแลรักษาผู้ได้รับเชื้อโควิด-19 ขึ้น 2 แห่ง ได้แก่ สถานที่แยกกักตัวชุมชน (Community Isolation) โรงเรียนบ้านแม่คำ (ประชานุเคราะห์) อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย และศูนย์พักคอยกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 314 จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งได้มีการเปิดศูนย์ฯ รับผู้ป่วยเข้ารักษา
สำหรับอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่ออำเภอแม่ฟ้าหลวง ที่หมู่บ้านแม่คำ หมู่ที่ 8 ตำบลแม่คำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย สถานการณ์ในปัจจุบันมีผู้ป่วยที่รอการรักษาจำนวน 81 ราย ซึ่งส่วนมากเป็นกลุ่มเด็กนักเรียนในโรงเรียนบ้านแม่คำ (ประชานุเคราะห์) ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา–มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 67 คน และแยกกักตัวในหมู่บ้านและบ้านของตนเองเกือบ 210 ราย โครงการพัฒนาเด็ก ซี.ซี.เอฟ. จังหวัดเชียงราย ได้ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลกับผู้เกี่ยวข้องแล้ว พบว่าศูนย์ดังกล่าวยังขาดแคลนสิ่งจำที่เป็นสำหรับการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อโควิด-19 หลายรายการ รวมถึงยังขาดแคลนเครื่องมือจำเป็นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด้วย จึงได้ประสานขอการสนับสนุนจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งร่วมกันจัดตั้งศูนย์พักคอยขึ้นที่โรงเรียนบ้านแม่คำฯ อ.แม่จัน
นายวิเศษ เชยกระรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงรายเขต 3 กล่าวว่า จากจุดเริ่มต้นคลัสเตอร์ ที่ชุมชนรุ่งเจริญ อำเภอแม่จัน มีนักเรียนในพื้นที่อำเภอแม่จัน ติดโควิดเริ่มต้นจำนวน10 คน และเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่องเป็น 68 ราย เป็นนักเรียนชาย35 คน หญิง33 คน มีปัญหาเรื่องการจัดการโรงพยาบาลสนามที่ให้ผู้ติดเชื้อทั้งเด็กและผู้ใหญ่อยู่ร่วมกันไม่เพียงพอ จึงได้มีแนวคิดให้โรงเรียนเป็นจุดพักคอย โดยใช้โรงเรียนบ้านแม่คำ ซึ่งมีจำนวนนักเรียนติดเชื้อโควิด มาพักคอยที่นี่ โดยสำนักงานเขตการศึกษาได้เข้ามาสนับสนุนในการ จัดเตรียมสถานที่ร่วมกับเทศบาลตำบลแม่คำ สคบ.อำเภอแม่จัน จากสร้างความมือหลายๆภาคส่วนทั้งภาคเอกชน ชุมชน
โดยเฉพาะมูลนิธิิ ซี.ซี.เอฟ. และเครือข่าย ที่ได้มีการทำงานร่วมกันมาตลอด ขอขอบคุณทุกหน่วยงาน ที่ให้ความร่วมมือ คนละเล็กคนละน้อยที่มาสนับสนุนศูนย์พักคอยสำหรับเด็กนักเรียนแห่งนี้ ซึ่งเด็กส่วนใหญ่เป็นเด็กชาติพันธุ์ ที่ครอบครัวมีความยากลำบากในการดูแลในชุมชนเพราะอยู่กันแออัด การมาอยู่ในศูนย์พักคอยจึงทำให้มีความสะดวกสบายและมีการควบคุมที่มีความปลอดภัย จึงทำให้ฟื้นตัวได้เร็ว ซึ่งภาพรวมจำนวนผู้ติดเชื้อในอำเภอแม่จันเริ่มลดลง เด็กที่ติดเชื้อโควิด-19เริ่มทยอยหาย และจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดการณ์ว่าอีก 1 สัปดาห์ น่าจะเปิดเรียนได้ปกติ และคณะครูก็มีการติดตามเด็กอย่างต่อเนื่องแม้จะหายจากการติดเชื้อแล้ว และการมีการสื่อสารกันสำหรับโรงเรียนในสังกัด139 โรงเรียน เพื่อจัดการการเรียนการสอนให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ นายสุรชาติ ขจรทวีไพศาล ประธานกรรมการบริหารโครงการ โครงการพัฒนาเด็ก ซี.ซี.เอฟ. จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ทางมูลนิธิ ได้มีการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์พักคอยจำนวน 3 ศูนย์ในอำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง และสนับสนุน ชุมชนที่มีการกักตัวในชุมชน อีกกว่า10 ชุมชน โดยมีความร่วมมือกับเครือข่ายองค์กร ต่างๆทั้งภาครัฐ สำนักงานเขตการศึกษา อำเภอ และหน่วยงานสาธารณสุขอำเภอแม่จัน ได้สนับสนุนอุปกรณ์ต่างๆทางการแพทย์ เครื่องนอน และเครื่องอุปโภคบริโภค อาหาร น้ำดื่มต่างๆที่จำเป็น ที่ได้รับการบริจาค และมีการแจกจ่ายไปตามศูนย์พักคอยและชุมชนที่มีการกักตัว ทางมูลนิธิซีซี.เอฟ.และอาสาสมัครชุมชนจะเข้าไปช่วยสนับสนุนในทุกพื้นที่ ที่มีความยากลำบากและขาดแคลน เพื่อให้เกิดการฟื้นตัวโดยเร็ว
นายณรัฐนันท์ ทะระมา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่คำ(ประชานุเคราะห์) กล่าวว่า การใช้สถานที่โรงเรียนมาเป็นศูนย์พักคอย สำหรับผู้ป่วยโควิดที่เป็นเด็กนักเรียน เป็นการลดภาระทางศูนย์พักคอยของอำเภอแม่จันที่มีความแออัด จึงได้ขยายมาที่โรงเรียนบ้านแม่คำ ซึ่งโรงเรียนได้ดูแล นักเรียนอยู่ 3 ตำบล ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ที่นักเรียนได้มาอยู่รักษาตัวในโรงเรียน ทำให้มีความสะดวกสบายและผู้ปกครองก็สามารถมาเยี่ยมดูแลได้ ซึ่งการจัดการเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของ ศคบ. อำเภอ มีความร่วมมือกับโรงพยาบาลศูนย์แม่ฟ้าหลวง เข้ามาดูแลตลอด และตอนนี้ยัง มีความยากลำบากในการจัดการขยะ ของเสียที่มีการติดเชื้อ มีการแยกเป็นถุงสีแดงไว้ รอการจัดการตามมารฐานความปลอดภัยต่อไป อย่างไรก็ขอขอคุณที่เครือข่ายองค์กรต่างๆมาช่วยสนับสนุน สิ่งของต่างๆเพื่อให้เด็กๆได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง เพื่อที่จะได้หายจากการติดเชื้อและโรงเรียนจะได้ทำการเปิดเทอมได้ปกติในเร็ววัน
นายสุทธิรัตน์ แสงเพ็ญจันทร์ ปลัดอำเภออาวุโส ทำการแทนนายอำเภอแม่จัน กล่าวว่า ในส่วนปกครองท้องที่ ได้มาร่วมดำเนินการจัดตั้งศูนย์พักคอย สำหรับนักเรียนที่ติดเชื้อ ได้ร่วมกับทางเทศบาลซึ่งมี3 เขตเทศบาล ได้ร่วมกันมาดูแลได้แก่เทศบาลตำบลหัวแม่คำ เทศบาลตำบลแม่ไร่ เทศบาลตำบลสายน้ำคำ และโรงพยาบาล หน่วยงานสาธารณสุข มีความร่วมมือกับเขตการศึกษา ในการดูแลร่วมกับโรงเรียนที่เป็นเจ้าของพื้นที่ และมีการสนับสนุนจากองค์กรในการได้มามอบสิ่งของ อาหารต่างๆที่ยังขาดแคลน มีความร่วมมือกันอย่างดี และในอเภอแม่จัน สถานการณ์โควิก็เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการระบาดในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะชุมชน พี่น้องประชาชน ก็มีการเฝ้าระวัง รักษาระยะห่าง ลดการไปมาหาสู่ และป้องกันด้วยหน้ากาก เรายังเชื่อมั่นว่ามาตรการต่างๆที่ร่วมกันดำเนินการจะสามารรถดูแลและควบคุมได้
โดย ณัฐวัตร ลาพิงค์ /เชียงราย