รายงานข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ทาโร โคโนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงปฏิรูปการบริหาร และกฎระเบียบของญี่ปุ่น ผู้รับหน้าที่ดูแลแผนฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เปิดเผยต่อสื่อท้องถิ่นวันนี้ (29 ส.ค.) ว่า กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการฉีดวัคซีนโควิดสูตรผสม ระหว่างวัคซีน“แอสตร้าเซเนก้า” กับวัคซีนจากบริษัทอื่น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเร่งเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศ
โดยที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมีการใช้วัคซีน “ไฟเซอร์” และ “โมเดอร์นา” เป็นวัคซีนหลัก ก่อนจะอนุมัติใช้งานวัคซีน “แอสตร้าเซเนก้า” ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยได้จัดหาไว้แล้ว 2 ล้านโดส ซึ่งแผนฉีดวัคซีนสูตรผสม คาดว่า อาจเป็นการใช้วัคซีน “แอสตร้าเซเนก้า” เป็นโดสแรก ตามด้วยวัคซีน “ไฟเซอร์” เป็นโดสที่ 2 หรือวัคซีน “แอสตร้าเซเนก้า” โดสแรก ตามด้วยวัคซีน “โมเดอร์นา” เป็นโดสที่ 2ญี่ปุ่น" เล็งใช้วัคซีนสูตรผสม“แอสตร้าเซเนก้า” ตามด้วย “ไฟเซอร์” หรือ“โมเดอร์นา”
ขณะที่รัฐมนตรีญี่ปุ่น คาดหวังว่า แผนฉีดวัคซีนสูตรผสมดังกล่าว จะช่วยลดระยะห่างในการฉีดวัคซีนระหว่างโดสแรก และโดสที่ 2 ให้สั้นลง เนื่องจากการฉีดวัคซีน“แอสตร้าเซเนก้า” 2 โดสนั้น จะมีระยะห่าง ระหว่างโดสแรก และโดสที่ 2 นานถึง 8 สัปดาห์ ซึ่งนานกว่าวัคซีนชนิดอื่น
ปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีอัตราประชากรได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 โดส สูงถึง 43.8% หรือราว 55.3 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดกว่า 126 ล้านคน และฉีดโดสแรกแล้ว มากกว่า 54% ขณะที่สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดในญี่ปุ่น ยังทวีความรุนแรง โดยมีปัจจัยหลักจากการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทะลุ 26,000 คน เป็นครั้งแรก