อ้างเป็น จนท.ธนาคาร ชวนกู้เงินแต่ต้องจ่ายค่านายหน้า

27 สิงหาคม 2564 ชาวบ้านในตำบลหนองตะครอง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องเรียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่มีแก๊งมิจฉาชีพออกมาตระเวนตามบ้านโดยแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่ง มาชักชวนให้ผู้สูงอายุ และชาวบ้านในหมู่บ้านทำสัญญากู้เงิน โดยอ้างว่าธนาคารมีโครงการปล่อยกู้ช่วยเหลือคนเดือดร้อนช่วงวิกฤตโควิดวงเงินขั้นต่ำ 200,000 บาทขึ้นไป โดยหากใครสนใจจะรับดำเนินการให้ไม่ต้องใช้เอกสารอะไร ใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียวเท่านั้น แต่ต้องจ่ายค่าดำเนินการหรือค่าเอกสารล่วงหน้าก่อน 14,000 บาท หากได้รับอนุมัติก็จะต้องจ่ายค่านายหน้าอีก 40,000 บาท ซึ่งก็มีชาวบ้านหลายคนที่หลงเชื่อให้บัตรประชาชนไปเพราะอยากจะได้เงินกู้ แต่ก็ไม่รู้ว่ามีใครได้เงินกู้จริง หรือธนาคารมีโครงการปล่อยสินเชื่อตามที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวแอบอ้างหรือไม่ จึงอยากให้ภาครัฐเข้ามาตรวจสอบหากไม่มีโครงการปล่อยสินเชื่อจริง ก็อยากให้แจ้งเตือนชาวบ้านเพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อสูญเสียเงิน

สอบถามนางสุภี  ประนันโต อายุ 54 ปี หนึ่งในชาวบ้านในตำบลหนองตะครอง เล่าให้ฟังว่า ได้มีผู้หญิงกับผู้ชาย 2 คนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร มาชักชวนให้กู้เงินโดยบอกว่าทางธนาคารมีโครงการปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน วงเงินกู้ 200,000 บาทขึ้นไป หากสนใจก็ไม่ยุ่งยากเพราะไม่ต้องใช้เอกสารอะไรใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียว ที่เหลือเขาจะดำเนินการให้เองแต่แค่ต้องจ่ายค่าเอกสารและค่าดำเนินการล่วงหน้า 14,000 บาท แล้วหากได้รับการอนุมัติตามวงเงินที่กู้ก็จะต้องจ่ายค่านายหน้าอีก 40,000 บาท ซึ่งตอนแรกตนเองก็สนใจเพราะอยากจะได้เงินมาหมุนเวียนใช้จ่าย แต่พอกลุ่มบุคคลดังกล่าวที่มีชักชวน นัดให้ไปทำสัญญาที่ทุ่งนาตนเองก็เริ่มแปลกใจ จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามลูกสาวที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัด ลูกสาวก็ห้ามไม่ให้กู้เด็ดขาดเพราะกลัวถูกหลอกสูญเสียเงิน แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวก็ยังพยายามมาพูดโน้มน้าวบอกว่ามีคนที่ตกลงทำได้เงินกู้แล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ทั้งบอกให้ตนเองไปชักชวนชาวบ้านคนอื่นมากู้ด้วย แต่ตนก็ยังไม่ได้ตกลงทำสัญญาแต่อย่างใดเพราะกลัวจะเสียเงินฟรี  

นางวิจิตรา การสอน อายุ 29 ปี ชาวบ้านอีกราย ก็บอกว่า มีบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร  ชักชวนให้กู้เงิน โดยใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียวไม่ยุ่งยาก ไปทำสัญญาที่ทุ่งนาหรือคลองส่งน้ำ แต่ต้องจ่ายค่าดำเนินการล่วงหน้า 14,000 บาท ตนก็เลยรู้สึกว่าน่าจะหลอกลวงมากกว่า เพราะที่ผ่านมาก็เคยกู้เงินธนาคารก็ต้องใช้เอกสารประกอบ และต้องไปทำสัญญาที่ธนาคาร ไม่ได้มีนัดทำสัญญาตามทุ่งนาหรือคลองน้ำแบบนี้กลัวจะถูกหลอกจึงไม่หลงเชื่อ
โดย -สุรชัย พิรักษา