ในวันที่ (24 ส.ค.64) จะเป็นวันแรกที่มีการปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 8) พ.ศ.2564 ซึ่งกระท่อมนับเป็นอีกหนึ่งพืชที่มีประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะสรรพคุณทางยา โดย “รองศาสตราจารย์ ดร.จุไรทิพย์ หวังสินทวีกุล” ได้เคยให้ข้อมูลเรื่องประโยชน์ของพืชกระท่อมผ่านวารสาร ป.ป.ส. ไว้ว่า
ตำหรับยาแพทย์แผนไทยใบกระท่อมใช้เป็นเครื่อง ยาหลักระบุสรรพคุณใช้ระงับอาการปวดท้องแก้บิดแก้ท้องเสีย ระงับอาการปวดเมื่อยตามร่างกายและระงับประสาท หมอพื้นบ้านนำส่วนเปลือกและใบพืชกระท่อมรักษาอาการท้องร่วงปวดท้องลดการปวดบิดถ่ายเป็นเลือดรักษาโรคกระเพาะอาหาร รักษาโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคผิวหนังเป็นต้น โดยแนะนำให้เคี้ยวใบกระท่อมที่แกะก้านใบออกเคี้ยวอาจกลืนหรือคายกากดื่มน้ำตาม
การใช้พืชกระท่อมตามแนวการรักษาของการแพทย์แผนไทยในการรักษาอาการท้องร่วงอย่างแรงแก้บิดและใช้ทดแทนหรือลดอาการถอนยาจากฝิ่นและสามารถนามาพัฒนาตารับเพื่อการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้
พืชกระท่อมได้รับความสนใจจากทั่วโลกในขณะนี้มีแนวทางใช้พืชกระท่อมในรูปแบบของยาแผนปัจจุบันเช่นสารมิตรากัยนีนเป็นยาทางเลือกในการระงับปวดนอกเหนือจากมอร์ฟีนที่สกัดได้จากฝิ่น เป็นต้นสารมิตรากัยนีนก็เหมือนกับยาหรือสารออกฤทธิ์โดยทั่วไปที่มีข้อบ่งใช้อาการข้างเคียงข้อควรระวังข้อห้ามใช้
อย่างไรก็ตามกระท่อมยังมีผลข้างเคียงเช่นปากแห้ง ปัสสาวะบ่อย เบื่ออาหาร ท้องผูกเมื่อบริโภคไปนาน ๆ อาจท าให้ติดได้ เมื่อไม่ได้บริโภคจะรู้สึกไม่มีแรงซึมเศร้า นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร แต่ทั้งนี้ไม่เคยปรากฏว่ามีคนเสียชีวิตหรือทำร้ายผู้อื่นจากการบริโภคพืชกระท่อม